โรงเรียนประถมศึกษาอาระฮามะที่มีเด็กเล็ก คณาจารย์ และประชาชนรวม 320 คน อพยพมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่นซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2554 ปัจจุบันยังคงมีร่องรอยของคลื่นสึนามิที่ในตอนเกิดเหตุมีระดับความสูงขึ้นมาจนถึงชั้นสองหลงเหลืออยู่เช่นเดิม และเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียจากภัยพิบัติสึนามิขึ้นอีก จึงได้มีการเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมโรงเรียนในฐานะของเศษซากของแผ่นดินไหวเพื่อส่งต่อเรื่องราวภัยอันน่ากลัวและบทเรียนของสึนามิไปยังผู้คนในรุ่นต่อไป

* โปรดตรวจสอบเว็บไซต์อย่างเป็นทางการสำหรับข้อมูลล่าสุด

[JR ฟรุตส์พาร์ค เซนได อะระฮามะ ภายใต้แนวคิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ในสวนเกษตร]
สัมผัสประสบการณ์การเก็บสตรอว์เบอร์รี องุ่น แอปเปิ้ล และพืชผลต่าง ๆ รวม 8 ชนิด 150 สายพันธุ์ ที่ปลูกด้วยความเอาใจใส่ตลอดทั้งปี และตั้งแต่ปีค.ศ. 


นอกจากนี้ ภายในยังมีจุดอื่นๆ เช่น "อะระฮามะ มารุเช่" ร้านจำหน่ายผักผลไม้สดๆ ที่ส่งตรงจาก เกษตรกรผู้ผลิตที่อยู่ใกล้เคียงและผลไม้ที่เก็บได้จากในฟาร์ม และ "เล ปอม (Les Pommes)" คาเฟ่และร้านอาหารที่รังสรรค์โดยเชฟจากโรงแรม เมโทรโปลิแตน เซนได อิ่มอร่อยกับอาหารและขนมที่ใช้วัตถุดิบจากในฟาร์มและผลิตผลตามฤดูกาลในท้องถิ่น

ตั้งอยู่บนตำแหน่งที่ดีที่สุดซึ่งคุณจะสามารถมองเห็นแม่น้ำนาโทริอยู่ตรงหน้า ท่าเรือยูริอาเกะทอดตัวอยู่ใกล้ๆ และยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองเซนไดกับเทือกเขาซาโอะอีกด้วย มีร้านอาหารและร้านขายอาหารทะเลสดๆ ตั้งเรียงกันเป็นทิวแถว คุณสามารถสนุกสนานกับการลิ้มรสอาหารที่ปรุงด้วยวัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น ชิราสึด้ง (ข้าวหน้าปลาข้าวสาร) ซูชิหอยแครงญี่ปุ่น เป็นต้น หรือจะเป็นการเดินชิมของหวาน และการจับจ่ายซื้อผลิตภัณฑ์พิเศษที่มีจำหน่ายเฉพาะในท้องถิ่น

การบินท่องเที่ยวด้วยเฮลิคอปเตอร์ที่มีเครื่องยนต์คู่。พื้นที่ชายฝั่งของเมืองเซนไดที่ได้รับความเสียหายจากสึนามิขนาดใหญ่จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภาคตะวันออกของญี่ปุ่นได้รับการปรับปรุงใหม่พร้อมกับสถานที่ต่างๆ เช่น สวนสาธารณะที่สามารถสัมผัสกับกีฬา การเกษตร และธรรมชาติ รวมถึงสถานที่สืบทอดเรื่องราวของแผ่นดินไหวและสถานที่ผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ การใช้พื้นที่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมาก และเมืองเซนไดได้กลายเป็นดินแดนที่สร้างสรรค์อนาคตใหม่ พร้อมกับการจดจำเรื่องราวของแผ่นดินไหวและเส้นทางการฟื้นฟู รวมถึงธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของชายฝั่งทะเล。การบินท่องเที่ยวด้วยเฮลิคอปเตอร์ของเมืองเซนได 'ณ ขณะนี้' เป็นเนื้อหาใหม่ที่เรียนรู้เกี่ยวกับการฟื้นฟูจากแผ่นดินไหว โดยมีการส่งสารถึงผู้คนมากมาย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการฟื้นฟูจากแผ่นดินไหว。

อาคายุออนเซ็นเป็นเมืองบ่อน้ำพุร้อนเล็กๆ ในเมืองนันโยะ จังหวัดยามากาตะที่ไม่ธรรมดาในจังหวัดยามากาตะซึ่งมีรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อนหลายแห่งบนภูเขา มีโรงแรมบ่อน้ำพุร้อน 14 แห่ง และโรงอาบน้ำสาธารณะ 4 แห่งกระจายอยู่ทั่วเมืองคุณสามารถไปถึงเรียวกังแห่งใดก็ได้ในเวลาประมาณ 5 นาทีโดยแท็กซี่จากสถานี JR Akayu และมีร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียง ทำให้สะดวกมาก


อาคายุออนเซ็นซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 920 ปีนับตั้งแต่เปิดทำการ กล่าวกันว่าถูกค้นพบโดยมินาโมโตะ โนะ โยชิอิเอะ ผู้รับผิดชอบในการรวมโอคุชูเข้าด้วยกันในปี 1093 เมื่อเขาทำสงครามกับน้องชายของเขา โยชิสึนะ นี่ช่างร้อนแรง ฤดูใบไม้ผลิที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ว่ากันว่าเมื่อโยชิสึนะและทหารคนอื่นๆ แช่ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ในน้ำร้อน บาดแผลก็หายเป็นปกติทันทีและกลายเป็นสีแดงสดไปด้วยเลือด ซึ่งเป็นที่มาของชื่ออาคายุออนเซ็น หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นดินแดนอุเอสึงิหลังยุคศักดินาดาเตะ และในช่วงยุคศักดินาโยเนะซาวะ ได้รับการปกป้องให้เป็นห้องอาบน้ำสำหรับขุนนางศักดินา และเจริญรุ่งเรืองในฐานะพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจตามทำนองคลองธรรม


มีโรงบ่มไวน์หกแห่งในเมืองนันโยะซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการเพาะปลูกองุ่น และเราขอแนะนำให้ชิมและเปรียบเทียบไวน์จากโรงบ่มไวน์แต่ละแห่ง นอกจากนี้ยังเป็นเมืองบะหมี่ที่มีร้านราเม็งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากมาย นอกเหนือจากร้านราเม็งยอดนิยมทั่วประเทศ

ในพื้นที่ลึกของทะเลสาบนากาอิฮยาคคุ ซึ่งเป็นสถานที่พายคายัคที่เหมาะสมกับคำว่า "ดินแดนลึกลับ" จริงๆ คุณจะพายผ่านหุบเขาแบบ V ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงตระหง่านเป็นระยะทางหลายร้อยเมตร ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการไปทางเดียว สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคุณคือหน้าผาสูงกว่า 50 เมตรที่มีความอลังการมาก ขณะที่คุณเข้าไปในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยการสวดมนต์และอธิษฐานถึงธรรมชาติและเทพเจ้า คุณจะรู้สึกถึงอากาศเย็นสบายแม้ในฤดูร้อน หุบเขามิฟุเนะที่ยาวประมาณ 250 เมตรนี้เป็นสถานที่ที่ยังคงมีตำนานและเป็นจุดที่มีพลังงานมาก。

แอ่งโยะเนะซะวะช่วงหน้าร้อนจะมีอุณหภูมิและความชื้นสูง ส่วนหน้าหนาวก็จะหนาวจัด ความแตกต่างของอุณหูมินี้ทำให้เนื้อวัวมีไขมันแทรกและเนื้อแน่น จุดเด่นคือสัมผัสแบบละลายในปากและรสหวานของเนื้อ ในตัวเมืองโยะเนะซะวะสามารถหาร้านทานเนื้อโยะเนะซะวะได้มากมาย ทั้งร้านสเต็ก, สุกี้ยากี้, ชาบูชาบู บางร้านก็ทานได้ในราคาเอื้อมถึง

พิพิธภัณฑ์สาเกโทโกเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับ "โรงกลั่นสาเกโทโก" ที่ใหญ่ที่สุดในโทโฮคุภายในพิพิธภัณฑ์เป็นพื้นที่กว้างขวางท่ามกลางบรรยากาศดีเยี่ยมที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เดินทางย้อนเวลากลับไปโรงกลั่นสาเกจากยุคเมจิ และคุณสามารถเพลิดเพลินกับการชิมสาเกโทโกและช็อปปิงที่ร้านขายสาเกที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันได้