2 คืน 3 วัน ณ อิวากิ ยูโมโตะ ออนเซนเคียว [Base! โทโฮคุ]
เพียงสองชั่วโมงจากโตเกียว คุณสามารถนั่งรถไฟ (รถไฟด่วนพิเศษ) ไปยังสถานียุโมโตะ และคุณจะพบว่าตัวเองอยู่ในเมืองน้ำพุร้อน
มีกิจกรรมมากมายให้เพลิดเพลินทั้งเด็กและผู้ใหญ่
เริ่มต้น
วันที่ 1
อความารีน ฟุคุชิมะ พิพิธภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีกิจกรรมต่าง ๆ ในธีมทะเลแห่งการพบกันของกระแสน้ำอุ่นคุโรชิโอะและกระแสน้ำเย็นโอยะชิโอะ ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเรียนรู้ได้
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่จัดแสดงทั้งปลาจากท้องทะเลรอบ ๆ รวมไปถึงปลาเขตร้อนหลากสี แมวน้ำ สิงโตทะเล และสิ่งมีชีวิตประมาณ 800 ชนิด และกิจกรรมสุดสนุกมากมายที่เด็ก ๆ จะต้องตาเป็นประกาย ทั้งกิจกรรมตกปลาแล้วทานปลาที่ตกได้ที่บ่อ กิจกรรมแบ็คยาร์ดทัวร์ที่สามารถเรียนรู้เบื้องหลังการทำงานของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำได้ บ่อสัตว์น้ำจาโนเมะที่ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสสัตว์น้ำได้ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ผู้เยี่ยมชมสามารถเดินเท้าเปล่าเพื่อใกล้ชิดกับสัตว์น้ำได้ในบางช่วงจะมีกิจกรรมทัวร์พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำยามค่ำคืนจัดขึ้นด้วย ซึ่งก็เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดอยู่ที่อุโมงค์สามเหลี่ยมขนาดใหญ่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดมหึมา กับปลาหลากหลายสายพันธุ์ที่แหวกว่ายอยู่เหนือศีรษะราวกับว่าคุณกำลังอยู่ในทะเล คึกคักไปด้วยผู้มาเยือนที่มากันเป็นครอบครัวและคู่รัก
อิวะคิลาลามิว
ศูนย์ท่องเที่ยวและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นขนาดใหญ่ที่สามารถกินเที่ยวและช็อปปิ้งได้ราวกับตลาดปลา !
ศูนย์ท่องเที่ยวและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นซึ่งมีคำโฆษณาติดหูว่า "มีของดีทุกอย่างของอิวะคิรวมอยู่ที่นี่" ภายในอาคารแบ่งเป็น "ถนนตลาดสด" "โซนบาร์บีคิว" "ถนนของฝากจากบ้านเกิดของอาหารทะเล" "ถนนอาหารทะเล (ย่านร้านกินดื่ม)" "สนามเด็กเล่น (สวนสนุก)" จะดูก็ดี จะซื้อก็ดี จะชิมก็ดี จะเล่นก็เยี่ยม ! ทั้งหมดอยู่ในร่มจึงสบายใจได้แม้ในวันฝนตก
ที่ "ถนนตลาดสด" เป็นตลาดซึ่งรวบรวมสามสิ่งสำคัญเอาไว้อย่างครบครันทั้งความสด มีของให้ครบ และราคา และยังสามารถต่อรองราคาได้ด้วยความรู้สึกแบบเดียวกับการประมูลปลา ที่ "ถนนของฝากจากบ้านเกิดของอาหารทะเล" มีสินค้าต่างๆ ของอิวะคิตั้งแต่ผลิตภัณฑ์พิเศษดั้งเดิมไปจนถึงสินค้าสนุกสนานที่เหมาะกับการเป็นของฝาก ที่ "ถนนอาหารทะเล" เป็นที่ที่ท่านได้จะทานอาหารทะเลตามฤดูกาลทั้งสี่ เช่น ข้าวหน้าอาหารทะเล และอื่นๆ พร้อมกับการชมมหาสมุทรแปซิฟิกไปด้วย
ที่ชั้น 1 มีท่าขึ้นลงเรือสำราญขนาดใหญ่ สามารถล่องเรือในช่วงกลางวัน เช่น การนั่งวนภายในอ่าวโอนะฮะมะได้ ที่ชั้น 2 มี "ไลว์อิวะคิมิวเซียม" ซึ่งสามารถชมภาพยนตร์และบอร์ดจัดแสดงสภาพการฟื้นฟูจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภาคตะวันออกของญี่ปุ่นได้
ที่ "ถนนตลาดสด" เป็นตลาดซึ่งรวบรวมสามสิ่งสำคัญเอาไว้อย่างครบครันทั้งความสด มีของให้ครบ และราคา และยังสามารถต่อรองราคาได้ด้วยความรู้สึกแบบเดียวกับการประมูลปลา ที่ "ถนนของฝากจากบ้านเกิดของอาหารทะเล" มีสินค้าต่างๆ ของอิวะคิตั้งแต่ผลิตภัณฑ์พิเศษดั้งเดิมไปจนถึงสินค้าสนุกสนานที่เหมาะกับการเป็นของฝาก ที่ "ถนนอาหารทะเล" เป็นที่ที่ท่านได้จะทานอาหารทะเลตามฤดูกาลทั้งสี่ เช่น ข้าวหน้าอาหารทะเล และอื่นๆ พร้อมกับการชมมหาสมุทรแปซิฟิกไปด้วย
ที่ชั้น 1 มีท่าขึ้นลงเรือสำราญขนาดใหญ่ สามารถล่องเรือในช่วงกลางวัน เช่น การนั่งวนภายในอ่าวโอนะฮะมะได้ ที่ชั้น 2 มี "ไลว์อิวะคิมิวเซียม" ซึ่งสามารถชมภาพยนตร์และบอร์ดจัดแสดงสภาพการฟื้นฟูจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภาคตะวันออกของญี่ปุ่นได้
สปารีสอร์ท ฮาวายเอี้ยน
รีสอร์ทฤดูร้อนตลอดกาล ! สนุกสนานเต็มที่กับดินแดนออนเซนอันกว้างใหญ่ที่เล่นได้ไม่มีวันหมด !
ออนเซนธีมปาร์คขนาดมหึมาอันโด่งดังแม้แต่ในภาพยนตร์เรื่อง "ฮูล่าเกิร์ล" พื้นที่บ่อแช่น้ำของบ่ออาบน้ำกลางแจ้งที่นีใหญ่ที่สุดในโลก ! ประกอบด้วยออนเซนธีมปาร์ค 6 แห่งที่ได้รับปริมาณน้ำซึ่งพวยพุ่งออกมาอย่างมหาศาลจากบ่อน้ำพุร้อนอิวะคิยุโมโตะ จำเป็นต้องมีเวลามากพอที่จะเต็มอิ่มกับสถานที่ทั้งหมดได้
"บิ๊กอะโลฮ่า" บอดี้สไลเดอร์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นในแง่ของความสูงและความยาวซึ่งเปิดตัวในปี 2017 ให้ความหวาดเสียวอย่างสุดขีด ! โชว์โพลีเนเชี่ยนโดยนักเต้นระบำดาบเพลิงและฮูล่าเกิร์ลเป็นโชว์ที่ต้องชมให้ได้ แนวทางการเล่นสนุกเลือกได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็น สระอควาเรียมที่ไหลไปตามสายน้ำแห่งแรกของญี่ปุ่น สปาภายในห้องเก๋ไก๋สไตล์ยุโรปตอนใต้ โลมิโลมิ (การนวดแบบฉบับฮาวาย) สระออนเซนสำหรับออกกำลังกายในน้ำ บ่อออนเซนที่จำลองบรรรยากาศสมัยเอโดะ คอร์สตีกอล์ฟ และอื่นๆ !
ไม่ว่าจะมาเป็นกลุ่มเพื่อน มาเป็นครอบครัว คู่รัก ไม่ว่าใครก็สนุกสนานได้อย่างแน่นอน มาใช้เวลาทั้งวันให้เต็มอิ่มกับออนเซนให้ถึงที่สุดกันดีกว่า !
"บิ๊กอะโลฮ่า" บอดี้สไลเดอร์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นในแง่ของความสูงและความยาวซึ่งเปิดตัวในปี 2017 ให้ความหวาดเสียวอย่างสุดขีด ! โชว์โพลีเนเชี่ยนโดยนักเต้นระบำดาบเพลิงและฮูล่าเกิร์ลเป็นโชว์ที่ต้องชมให้ได้ แนวทางการเล่นสนุกเลือกได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็น สระอควาเรียมที่ไหลไปตามสายน้ำแห่งแรกของญี่ปุ่น สปาภายในห้องเก๋ไก๋สไตล์ยุโรปตอนใต้ โลมิโลมิ (การนวดแบบฉบับฮาวาย) สระออนเซนสำหรับออกกำลังกายในน้ำ บ่อออนเซนที่จำลองบรรรยากาศสมัยเอโดะ คอร์สตีกอล์ฟ และอื่นๆ !
ไม่ว่าจะมาเป็นกลุ่มเพื่อน มาเป็นครอบครัว คู่รัก ไม่ว่าใครก็สนุกสนานได้อย่างแน่นอน มาใช้เวลาทั้งวันให้เต็มอิ่มกับออนเซนให้ถึงที่สุดกันดีกว่า !
บ่อน้ำพุร้อนอิวะคิยุโมะโตะออนเซน
น้ำพุร้อนที่เรียกได้ว่าเก่าแก่ติดหนึ่งในสามของญี่ปุ่น
บ่อน้ำร้อนชื่อดังที่ถูกใช้กันมาเป็นเวลากว่าพันปี ชื่อเป็นที่รู้จักกันในฐานะที่เป็นน้ำพุร้อนเก่าแก่สามแห่งของญี่ปุ่นร่วมกับ โดโกออนเซนแห่งอิโยะโนะคุนิ และ อะริมะออนเซนแห่งเซทสึโนะคุนิ เป็นบ่อน้ำพุร้อนเก่าแก่ซึ่งไดเมียวแห่งเซนโคคุในยุคกลางจำนวนมากนิยมมาที่นี่ ในสมัยเอโดะ (ปี 1603 - 1868) ก็มีศิลปินต่างๆ แวะเวียนมาเที่ยวกันอย่างไม่ขาดสาย
ความลับที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบที่นี่กันมายาวนานเช่นนี้เนื่องจากน้ำพุร้อนที่นี่มีสรรพคุณนานัปการ มีสรรพคุณต่างๆ ร่วมกัน เช่น "บิจินโนะยุ" (ช่วยให้ผิวสวย สลายพิษ ขยายหลอดเลือดส่วนปลายให้ไหลเวียนได้ดี) "ชินโซโนะยุ" (ช่วยลดความดันโลหิต ดีต่อผู้ที่มีความดันโลหิตสูงและเส้นเลือดอุดตัน) "เนทสึโนะยุ" (เหมาะสำหรับผู้สูงวัยและช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายได้ดี) เป็นคุณภาพของน้ำพุร้อนมีความหายากในระดับทั่วประเทศปริมาณน้ำก็มีความอุดมสมบูรณ์ มีความภาคภูมิใจในปริมาณน้ำจากความลึกประมาณ 50 เมตรใต้ดินที่พวยพุ่งออกมา 5 ตันในทุกๆ นาที และมีโรงแรมแบบเรียวกันซึ่งภาคภูมิใจในน้ำพุกำมะถันธรรมชาติแบบไหลผ่านจากแหล่งน้ำพุร้อนอยู่ไม่น้อยเลยเช่นกัน
ภายในภูมิภาคโทโฮคุมีสภาพอากาศค่อนข้างอบอุ่นตลอดสี่ฤดู หลังเดินเล่นในเมืองออนเซนที่ดีงามแล้วขอเชิญไปลิ้มลองความอร่อยของอาหารทะเลที่จับมาสดๆ ร้อนๆ จากท่าเรือโอนะฮะมะ
ความลับที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบที่นี่กันมายาวนานเช่นนี้เนื่องจากน้ำพุร้อนที่นี่มีสรรพคุณนานัปการ มีสรรพคุณต่างๆ ร่วมกัน เช่น "บิจินโนะยุ" (ช่วยให้ผิวสวย สลายพิษ ขยายหลอดเลือดส่วนปลายให้ไหลเวียนได้ดี) "ชินโซโนะยุ" (ช่วยลดความดันโลหิต ดีต่อผู้ที่มีความดันโลหิตสูงและเส้นเลือดอุดตัน) "เนทสึโนะยุ" (เหมาะสำหรับผู้สูงวัยและช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายได้ดี) เป็นคุณภาพของน้ำพุร้อนมีความหายากในระดับทั่วประเทศปริมาณน้ำก็มีความอุดมสมบูรณ์ มีความภาคภูมิใจในปริมาณน้ำจากความลึกประมาณ 50 เมตรใต้ดินที่พวยพุ่งออกมา 5 ตันในทุกๆ นาที และมีโรงแรมแบบเรียวกันซึ่งภาคภูมิใจในน้ำพุกำมะถันธรรมชาติแบบไหลผ่านจากแหล่งน้ำพุร้อนอยู่ไม่น้อยเลยเช่นกัน
ภายในภูมิภาคโทโฮคุมีสภาพอากาศค่อนข้างอบอุ่นตลอดสี่ฤดู หลังเดินเล่นในเมืองออนเซนที่ดีงามแล้วขอเชิญไปลิ้มลองความอร่อยของอาหารทะเลที่จับมาสดๆ ร้อนๆ จากท่าเรือโอนะฮะมะ
วันที่ 2
ถ้ำอะบุคุมะ
โลกมหัศจรรย์อันกว้างใหญ่ใต้พื้นดิน
สำหรับคอร์สผจญภัย ผู้เยี่ยมชมจะได้สัมผัสประสบการณ์การผจญภัยอย่างแท้จริง ที่ทั้งต้องหมอบคลาน และเดินข้ามสะพานท่อนซุง
ถ้ำที่ประดับประดาไฟอย่างสวยงามแห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นจุดนัดเดต ทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคู่รัก การได้สั่น "กระดิ่งแห่งคำสาบาน" ที่อยู่ในคอร์สเส้นทางธรรมดา อาจเป็นการสร้างความทรงจำที่ดีให้กับการเดินทางของคุณในครั้งนี้ก็เป็นได้
อุณหภูมิในถ้ำตลอดทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 15 องศาเซลเซียส จึงควรระมัดระวังเรื่องเสื้อผ้าที่สวมใส่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนควรพกเสื้อคลุมติดมาด้วย พื้นในถ้ำค่อนข้างลื่นจึงแนะนำให้สวมรองเท้าที่ใส่แล้วเดินสบาย
สามารถทานอาหารได้ที่ "เรสท์เฮาส์ คามะยามะ" และมีสินค้าออริจินัล เช่น "น้ำตบโลชั่นอะบุคุมะ" "ไวน์ชิโอะ" วางจำหน่ายภายในร้านด้วย
ถ้ำที่ประดับประดาไฟอย่างสวยงามแห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นจุดนัดเดต ทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคู่รัก การได้สั่น "กระดิ่งแห่งคำสาบาน" ที่อยู่ในคอร์สเส้นทางธรรมดา อาจเป็นการสร้างความทรงจำที่ดีให้กับการเดินทางของคุณในครั้งนี้ก็เป็นได้
อุณหภูมิในถ้ำตลอดทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 15 องศาเซลเซียส จึงควรระมัดระวังเรื่องเสื้อผ้าที่สวมใส่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนควรพกเสื้อคลุมติดมาด้วย พื้นในถ้ำค่อนข้างลื่นจึงแนะนำให้สวมรองเท้าที่ใส่แล้วเดินสบาย
สามารถทานอาหารได้ที่ "เรสท์เฮาส์ คามะยามะ" และมีสินค้าออริจินัล เช่น "น้ำตบโลชั่นอะบุคุมะ" "ไวน์ชิโอะ" วางจำหน่ายภายในร้านด้วย
พิพิธภัณฑ์เอจิ สึบุรายะ
พิพิธภัณฑ์เอจิ สึบุรายะเป็นสถานที่เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ผู้กำกับเอจิ สึบุรายะ ผู้ซึ่งถูกขนานนามให้เป็น “เทพเจ้าแห่งการถ่ายทำเทคนิคพิเศษ"ที่มีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองสุคากาวะ และยังเป็นสถานที่เพื่อถ่ายทอดความสำคัญของการเรียนรู้และความมหัศจรรย์ของการท้าทายให้กับเด็กๆ เพื่อสร้างฝันให้กับผู้คนที่เกิดในรุ่นต่อๆ ไปในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีการแนะนำเรื่องราวของผู้กำกับเอจิ สึบุรายะและชีวประวัติตลอดระยะเวลา 68 ปี โดยจะเป็นการนำเสนอในรูปแบบของบอร์ดแนะนำและวิดีโอการสัมภาษณ์ เป็นต้น มีการจัดแสดงวิดีโออธิบายวิธีการสร้างเทคนิคพิเศษ นอกจากนี้ยังมีหนังสือสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับสเปเชียลเอฟเฟค รวมถึงสมุดภาพที่เป็นต้นแบบของไอเดีย เพื่อเผยแพร่เรื่องราวความสำเร็จของผู้กำกับเอจิและเสน่ห์ของสเปเชียลเอฟเฟค
■ กล่องอัตชีวประวัติเอจิ สึบุรายะ (Eiji Tsuburaya’s Chronicle Box)บูธแนะนำเรื่องราวเกี่ยวกับการตามรอยการดำเนินชีวิตของเอจิ สึบุรายะ โดยเน้นไปที่เหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 ช่วงเวลา
■ ห้องศิลป์แห่งจินตนาการคือพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการและหนังสือที่เกี่ยวข้องทั้งในแง่ "ชีววิทยาศาสตร์” และ “กลศาสตร์” และอื่นๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึง "ความสำคัญของการเรียนรู้" ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้กำกับเอจิ สึบุรายะพยายามที่จะสื่อสารให้เด็กๆ ได้เข้าใจ
■ สตูดิโอสเปเชียลเอฟเฟคแบบจำลองย่อส่วนของ Toho Film Studio (ปัจจุบันคือ TOHO STUDIOS) ที่ผู้กำกับเอจิใช้ในการทำงานสร้างสรรค์ผลงานมากมาย
■ กำแพงเชื่อมโยงเรื่องราวของเอจิ สึบุรายะ (Eiji Tsuburaya Network Wall)มีการจัดแสดงนิทรรศการ “กำแพงเชื่อมโยงเรื่องราว” ที่ผู้ค้นคว้าสามารถเลือกเนื้อหาที่อยากค้นหาได้ โดยจะมีทั้งวิดีโอสัมภาษณ์ที่จะเปิดเผยตัวตนของผู้กำกับเอจิ ซึ่งนำเสนอโดยแบ่งออกเป็นตอนต่างๆ และยังมีการแนะนำผลงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความสัมพันธ์กับบุคคลที่หลากหลายในแวดวงด้วยที่นิทรรศการกำแพงเชื่อมโยงเรื่องราวแห่งนี้คุณสามารถสร้างสัตว์ประหลาดในแบบของคุณได้ด้วยการเลือกส่วนต่างๆ มาประกอบกันในหัวข้อ “Craft Kaijudai Koshin”
■ กล่องอัตชีวประวัติเอจิ สึบุรายะ (Eiji Tsuburaya’s Chronicle Box)บูธแนะนำเรื่องราวเกี่ยวกับการตามรอยการดำเนินชีวิตของเอจิ สึบุรายะ โดยเน้นไปที่เหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 ช่วงเวลา
■ ห้องศิลป์แห่งจินตนาการคือพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการและหนังสือที่เกี่ยวข้องทั้งในแง่ "ชีววิทยาศาสตร์” และ “กลศาสตร์” และอื่นๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึง "ความสำคัญของการเรียนรู้" ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้กำกับเอจิ สึบุรายะพยายามที่จะสื่อสารให้เด็กๆ ได้เข้าใจ
■ สตูดิโอสเปเชียลเอฟเฟคแบบจำลองย่อส่วนของ Toho Film Studio (ปัจจุบันคือ TOHO STUDIOS) ที่ผู้กำกับเอจิใช้ในการทำงานสร้างสรรค์ผลงานมากมาย
■ กำแพงเชื่อมโยงเรื่องราวของเอจิ สึบุรายะ (Eiji Tsuburaya Network Wall)มีการจัดแสดงนิทรรศการ “กำแพงเชื่อมโยงเรื่องราว” ที่ผู้ค้นคว้าสามารถเลือกเนื้อหาที่อยากค้นหาได้ โดยจะมีทั้งวิดีโอสัมภาษณ์ที่จะเปิดเผยตัวตนของผู้กำกับเอจิ ซึ่งนำเสนอโดยแบ่งออกเป็นตอนต่างๆ และยังมีการแนะนำผลงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความสัมพันธ์กับบุคคลที่หลากหลายในแวดวงด้วยที่นิทรรศการกำแพงเชื่อมโยงเรื่องราวแห่งนี้คุณสามารถสร้างสัตว์ประหลาดในแบบของคุณได้ด้วยการเลือกส่วนต่างๆ มาประกอบกันในหัวข้อ “Craft Kaijudai Koshin”
บ่อน้ำพุร้อนอิวะคิยุโมะโตะออนเซน
น้ำพุร้อนที่เรียกได้ว่าเก่าแก่ติดหนึ่งในสามของญี่ปุ่น
บ่อน้ำร้อนชื่อดังที่ถูกใช้กันมาเป็นเวลากว่าพันปี ชื่อเป็นที่รู้จักกันในฐานะที่เป็นน้ำพุร้อนเก่าแก่สามแห่งของญี่ปุ่นร่วมกับ โดโกออนเซนแห่งอิโยะโนะคุนิ และ อะริมะออนเซนแห่งเซทสึโนะคุนิ เป็นบ่อน้ำพุร้อนเก่าแก่ซึ่งไดเมียวแห่งเซนโคคุในยุคกลางจำนวนมากนิยมมาที่นี่ ในสมัยเอโดะ (ปี 1603 - 1868) ก็มีศิลปินต่างๆ แวะเวียนมาเที่ยวกันอย่างไม่ขาดสาย
ความลับที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบที่นี่กันมายาวนานเช่นนี้เนื่องจากน้ำพุร้อนที่นี่มีสรรพคุณนานัปการ มีสรรพคุณต่างๆ ร่วมกัน เช่น "บิจินโนะยุ" (ช่วยให้ผิวสวย สลายพิษ ขยายหลอดเลือดส่วนปลายให้ไหลเวียนได้ดี) "ชินโซโนะยุ" (ช่วยลดความดันโลหิต ดีต่อผู้ที่มีความดันโลหิตสูงและเส้นเลือดอุดตัน) "เนทสึโนะยุ" (เหมาะสำหรับผู้สูงวัยและช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายได้ดี) เป็นคุณภาพของน้ำพุร้อนมีความหายากในระดับทั่วประเทศปริมาณน้ำก็มีความอุดมสมบูรณ์ มีความภาคภูมิใจในปริมาณน้ำจากความลึกประมาณ 50 เมตรใต้ดินที่พวยพุ่งออกมา 5 ตันในทุกๆ นาที และมีโรงแรมแบบเรียวกันซึ่งภาคภูมิใจในน้ำพุกำมะถันธรรมชาติแบบไหลผ่านจากแหล่งน้ำพุร้อนอยู่ไม่น้อยเลยเช่นกัน
ภายในภูมิภาคโทโฮคุมีสภาพอากาศค่อนข้างอบอุ่นตลอดสี่ฤดู หลังเดินเล่นในเมืองออนเซนที่ดีงามแล้วขอเชิญไปลิ้มลองความอร่อยของอาหารทะเลที่จับมาสดๆ ร้อนๆ จากท่าเรือโอนะฮะมะ
ความลับที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบที่นี่กันมายาวนานเช่นนี้เนื่องจากน้ำพุร้อนที่นี่มีสรรพคุณนานัปการ มีสรรพคุณต่างๆ ร่วมกัน เช่น "บิจินโนะยุ" (ช่วยให้ผิวสวย สลายพิษ ขยายหลอดเลือดส่วนปลายให้ไหลเวียนได้ดี) "ชินโซโนะยุ" (ช่วยลดความดันโลหิต ดีต่อผู้ที่มีความดันโลหิตสูงและเส้นเลือดอุดตัน) "เนทสึโนะยุ" (เหมาะสำหรับผู้สูงวัยและช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายได้ดี) เป็นคุณภาพของน้ำพุร้อนมีความหายากในระดับทั่วประเทศปริมาณน้ำก็มีความอุดมสมบูรณ์ มีความภาคภูมิใจในปริมาณน้ำจากความลึกประมาณ 50 เมตรใต้ดินที่พวยพุ่งออกมา 5 ตันในทุกๆ นาที และมีโรงแรมแบบเรียวกันซึ่งภาคภูมิใจในน้ำพุกำมะถันธรรมชาติแบบไหลผ่านจากแหล่งน้ำพุร้อนอยู่ไม่น้อยเลยเช่นกัน
ภายในภูมิภาคโทโฮคุมีสภาพอากาศค่อนข้างอบอุ่นตลอดสี่ฤดู หลังเดินเล่นในเมืองออนเซนที่ดีงามแล้วขอเชิญไปลิ้มลองความอร่อยของอาหารทะเลที่จับมาสดๆ ร้อนๆ จากท่าเรือโอนะฮะมะ
วันที่ 3
สถานียุโนะคามิออนเซ็น
สถานีหลังคามุงจากที่หาดูได้ยาก เป็นมุมที่ถ่ายรูปออกมาได้ดูดีมากๆ
สถานีรถไฟของรถไฟไอสึที่ตัวอาคารเป็นหลังคามุงจากซึ่งหาดูได้ยาก ภายในห้องนั่งรอที่มีเตาผิงไฟอิโระริก็น่าสนใจไม่แพ้กัน คุณจะสามารถนั่งดื่มชารอบเตาอิโระริ ใช้เวลาผ่อนคลายช้าๆ จนกว่ารถไฟจะมาถึงได้ โดยเตาอิโระรินี้นั้นไม่ได้มีเอาไว้เพื่อสร้างบรรยากาศความเป็นชนบทบ้านๆ เท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่ในการช่วยขับไล่แมลงที่มารวมตัวกันที่หลังคามุงจากด้วยควันจากเตาด้วย ที่ข้างอาคารของสถานีมีบ่อแช่เท้า ""โอยะโคะจิโซโนะยุ"" ที่มีน้ำแร่จากแหล่งต้นน้ำไหลลงมา เพื่อให้คุณได้แช่เท้าผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วย
เลียบไปตามทางรถไฟจะมีแถวต้นซากุระเรียงอยู่เป็นทิวแถว จึงเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ที่มีชื่อเสียงสำหรับชมดอกซากุระด้วย ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีซากุระผลิบานจะมีผู้คนมากมายมาเยี่ยมเยือนเพื่อชมการประสมประสานกันระหว่างสถานีหลังคามุงจากกับดอกซากุระที่บานสะพรั่งประชันกัน และไม่เพียงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานีที่สวยงามด้วยบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งสี่ฤดูกาล ทั้งฤดูร้อนที่มีสีเขียวอ่อนๆ ของภูเขาน้อยใหญ่ ฤดูใบไม้ร่วงที่ภูเขาทั้งลูกจะเปลี่ยนเป็นสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี ฤดูหนาวที่หิมะหนาปกคลุม
และยังสะดวกในการใช้เป็นจุดเริ่มในการเดินทางไปหมู่บ้านโออุจิจูคุด้วย
เลียบไปตามทางรถไฟจะมีแถวต้นซากุระเรียงอยู่เป็นทิวแถว จึงเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ที่มีชื่อเสียงสำหรับชมดอกซากุระด้วย ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีซากุระผลิบานจะมีผู้คนมากมายมาเยี่ยมเยือนเพื่อชมการประสมประสานกันระหว่างสถานีหลังคามุงจากกับดอกซากุระที่บานสะพรั่งประชันกัน และไม่เพียงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานีที่สวยงามด้วยบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งสี่ฤดูกาล ทั้งฤดูร้อนที่มีสีเขียวอ่อนๆ ของภูเขาน้อยใหญ่ ฤดูใบไม้ร่วงที่ภูเขาทั้งลูกจะเปลี่ยนเป็นสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี ฤดูหนาวที่หิมะหนาปกคลุม
และยังสะดวกในการใช้เป็นจุดเริ่มในการเดินทางไปหมู่บ้านโออุจิจูคุด้วย
หมู่บ้านโออุจิจูคุ
ชมสภาพของญี่ปุ่นในสมัยวันวานอันแสนสุขได้ที่นี่
หมู่บ้านโออุจิจูคุเป็นเมืองสำหรับพักแรมระหว่างทาง เปิดเมื่อประมาณศตวรรษที่ 17 และได้รับเลือกให้เป็นกลุ่มอาคารที่สำคัญทางด้านวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น จากถนนที่เรียงรายไปด้วยบ้านหลังคามุงจาก คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศในยุคสมัยเอโดะ และยังมีพื้นที่จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันและเตาไฟที่บ่งบอกถึงประเพณีในสมัยนั้น ให้คุณรู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปในยุคนั้น
เมื่อเดินไปตามถนนสายหลัก จะพบกับประตูโทริอิของศาลเจ้าทาคาคุระ ผู้พิทักษ์หมู่บ้าน หากคุณเดินผ่านประตูโทริอินั้นไป คุณจะพบกับพื้นที่ที่เงียบสงบสำหรับการเดินเตร็ดเตร่ หากคุณขึ้นบันไดของศาลเจ้าที่ลาดสูงขึ้นไป คุณจะพบกับจุดชมวิวที่สามารถมองลงมาเห็นหมู่บ้านโออุจิจูคุได้
มีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารหลายร้านตั้งเรียงราย และในบรรดาอาหารเหล่านั้นจะมูเมนู "เนงิโซบะ" ซึ่งใช้ต้นหอมญี่ปุ่นในการรับประทานแทนการใช้ตะเกียบ จะเป็นเมนูที่มีดีทั้งรสชาติและรูปถ่ายที่ถ่ายออกมาด้วย นอกจากนี้ยังมีอาหารอื่นๆ ได้แก่ "โทจิโมจิ" ซึ่งทำจากผลเกาลัดม้าญี่ปุ่นผสมกับข้าวเหนียว และ "ชิงโกโร่” ที่มีเอกลักษณ์อยู่ที่หน้าตาที่คล้ายกับขนมดังโงะซึ่งปรุงด้วยจูเน็นมิโสะ (มิโสะงาขี้ม้อน) และอื่นๆ ซึ่งการเดินไปชิมไปก็ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสนุกเช่นกัน
นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับจุดชมวิว "หน้าผาหินโทโนะเฮทสึริ" ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่น จึงอยากแนะนำให้ท่านแวะมาเยี่ยมชมไปพร้อมๆ กัน
เมื่อเดินไปตามถนนสายหลัก จะพบกับประตูโทริอิของศาลเจ้าทาคาคุระ ผู้พิทักษ์หมู่บ้าน หากคุณเดินผ่านประตูโทริอินั้นไป คุณจะพบกับพื้นที่ที่เงียบสงบสำหรับการเดินเตร็ดเตร่ หากคุณขึ้นบันไดของศาลเจ้าที่ลาดสูงขึ้นไป คุณจะพบกับจุดชมวิวที่สามารถมองลงมาเห็นหมู่บ้านโออุจิจูคุได้
มีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารหลายร้านตั้งเรียงราย และในบรรดาอาหารเหล่านั้นจะมูเมนู "เนงิโซบะ" ซึ่งใช้ต้นหอมญี่ปุ่นในการรับประทานแทนการใช้ตะเกียบ จะเป็นเมนูที่มีดีทั้งรสชาติและรูปถ่ายที่ถ่ายออกมาด้วย นอกจากนี้ยังมีอาหารอื่นๆ ได้แก่ "โทจิโมจิ" ซึ่งทำจากผลเกาลัดม้าญี่ปุ่นผสมกับข้าวเหนียว และ "ชิงโกโร่” ที่มีเอกลักษณ์อยู่ที่หน้าตาที่คล้ายกับขนมดังโงะซึ่งปรุงด้วยจูเน็นมิโสะ (มิโสะงาขี้ม้อน) และอื่นๆ ซึ่งการเดินไปชิมไปก็ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสนุกเช่นกัน
นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับจุดชมวิว "หน้าผาหินโทโนะเฮทสึริ" ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่น จึงอยากแนะนำให้ท่านแวะมาเยี่ยมชมไปพร้อมๆ กัน
หมู่บ้านมาเอซาวะสไตล์มาการิยะ
สัมผัสกับภูมิปัญญาของแดนหิมะที่รวมบ้านคนกับคอกม้าให้เป็นหนึ่งเดียวได้ภายในหมู่บ้านที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก
เล่าขานกันว่าหมู่บ้านมาเอซาวะสไตล์มาการิยะเป็น "หมู่บ้านที่บุกเบิกโดยซามูไรไอซึในยุคกลาง" สำหรับคนท้องถิ่น ทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นเขตอนุรักษ์กลุ่มอาคารดั้งเดิมที่สำคัญของญี่ปุ่นด้วย
หมู่บ้านเจอเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่จนบ้านมอดไหม้ทุกหลังในปี 1907 (ยุคเมจิปีที่ 40) จากนั้นก็มีการสร้างใหม่ทั้งหมดในครั้งเดียวโดยกลุ่มช่างไม้เดียวกัน จึงเกิดมาเป็นภูมิทัศน์สวยๆ แบบเดียวกัน บ้านสไตล์มาการิยะหมายถึงบ้านที่โค้งเป็นตัว L ตามชื่อมาการิที่แปลว่าโค้ง ส่วนที่ยื่นออกไปด้านหน้าจะใช้เลี้ยงวัวกับม้าซึ่งขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน (เกษตรกรรมและการขนย้าย) อาคารด้านในจะเป็นพื้นที่อาศัยของคน มนุษย์กับม้าที่ใช้ทำเกษตรกรรมที่ถูกให้ความสำคัญดั่งครอบครัวเดียวกันนั้นอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังเดียวกันมาตั้งแต่สมัยก่อน
ภายในหมู่บ้านมีบ้านแบบดั้งเดิม 19 หลังรวมบ้านสไตล์มาการิยะ 13 หลังและยังคงหลงเหลือทิวทัศน์ดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นอยู่แม้ในปัจจุบัน
ภายในหมู่บ้านมี "พิพิธภัณฑ์เอกสารหมู่บ้านมาเอซาวะ" ที่ใช้บ้านสไตล์มาการิยะของจริงและให้เข้าไปข้างในเพื่อสัมผัสกับการดำเนินชีวิตการเกษตรได้ ร้านโซบะและคาเฟ่ในบ้านโบราณ เป็นต้น
หมู่บ้านเจอเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่จนบ้านมอดไหม้ทุกหลังในปี 1907 (ยุคเมจิปีที่ 40) จากนั้นก็มีการสร้างใหม่ทั้งหมดในครั้งเดียวโดยกลุ่มช่างไม้เดียวกัน จึงเกิดมาเป็นภูมิทัศน์สวยๆ แบบเดียวกัน บ้านสไตล์มาการิยะหมายถึงบ้านที่โค้งเป็นตัว L ตามชื่อมาการิที่แปลว่าโค้ง ส่วนที่ยื่นออกไปด้านหน้าจะใช้เลี้ยงวัวกับม้าซึ่งขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน (เกษตรกรรมและการขนย้าย) อาคารด้านในจะเป็นพื้นที่อาศัยของคน มนุษย์กับม้าที่ใช้ทำเกษตรกรรมที่ถูกให้ความสำคัญดั่งครอบครัวเดียวกันนั้นอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังเดียวกันมาตั้งแต่สมัยก่อน
ภายในหมู่บ้านมีบ้านแบบดั้งเดิม 19 หลังรวมบ้านสไตล์มาการิยะ 13 หลังและยังคงหลงเหลือทิวทัศน์ดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นอยู่แม้ในปัจจุบัน
ภายในหมู่บ้านมี "พิพิธภัณฑ์เอกสารหมู่บ้านมาเอซาวะ" ที่ใช้บ้านสไตล์มาการิยะของจริงและให้เข้าไปข้างในเพื่อสัมผัสกับการดำเนินชีวิตการเกษตรได้ ร้านโซบะและคาเฟ่ในบ้านโบราณ เป็นต้น
หมู่บ้านมิซุฮิกิสไตล์มาการิยะ
สัมผัสรูปลักษณ์ของแดนแห่งบ้านหลังคามุงฟางที่เรียบง่าย
มีทฤษฎีเล่าว่าหมู่บ้านมิซุฮิกิมีต้นกำเนิดมาจากการที่นายพรานหลงเสน่ห์ความงามของน้ำผุดจนมาปักหลักอาศัย ในปัจจุบันด้านข้างของเทพเจ้าแห่งภูเขานี้ก็ยังมีน้ำใสสะอาดผุดขึ้นมามากมาย
แม้บ้านทุกหลังในหมู่บ้านจะมอดไหม้ไปเพราะเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อยุคเมจิปีที่ 19 (ปี 1886) และยุคเมจิปีที่ 29 (ปี 1896) แต่ในปัจจุบันยังเหลือบ้านหลังคามุงฟางอยู่ 5 หลังที่บูรณะกลับมาตามวิธีโบราณหลังจากเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่
ยังไม่มีลานจอดรถเนื่องจากไม่ได้ถูกปรับให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เชิญชวนให้คุณมาสัมผัสกับความเงียบสงบจากทิวทัศน์แต่ละฤดูกาลของหมู่บ้านในภูเขาและรูปลักษณ์ของหมู่บ้านที่อยู่ท่ามกลางป่ากับน้ำ
แม้บ้านทุกหลังในหมู่บ้านจะมอดไหม้ไปเพราะเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อยุคเมจิปีที่ 19 (ปี 1886) และยุคเมจิปีที่ 29 (ปี 1896) แต่ในปัจจุบันยังเหลือบ้านหลังคามุงฟางอยู่ 5 หลังที่บูรณะกลับมาตามวิธีโบราณหลังจากเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่
ยังไม่มีลานจอดรถเนื่องจากไม่ได้ถูกปรับให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เชิญชวนให้คุณมาสัมผัสกับความเงียบสงบจากทิวทัศน์แต่ละฤดูกาลของหมู่บ้านในภูเขาและรูปลักษณ์ของหมู่บ้านที่อยู่ท่ามกลางป่ากับน้ำ
จุดหมายปลายทาง