พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติและออนเซ็นในอิวะเตะ และอะคิตะ 3 วัน 2 คืน
เริ่มต้น
วันที่ 1
ฟาร์มโคะอิวัย มะกิบะเอน
ฟาร์มกว้างใหญ่ที่มีภูเขาอิวะเตะเป็นฉากหลัง
ฟาร์มโคะอิวะอิมีประวัติยาวนานกว่า 120 ปี ส่วนหนึ่งของพื้นที่รวมทั้งหมด 3,000 เฮกตาร์ (30 ตารางกิโลเมตร) เปิดเป็น ""สวนมะกิบะ"" ให้คนทั่วไปเข้าชมได้ คุณจะได้ชมทั้งธรรมชาติอันกว้างใหญ่ แหล่งผลิต และทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ
อาคาร 21 แห่ง เช่น คอกวัว และถังเก็บผลผลิต ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น เช่น “สำนักงานใหญ่ฟาร์มโคะอิวะอิ” ซึ่งปรากฏอยู่ในผลงานของนักกวีชื่อมิยะซะวะ เค็นจิ สถาปัตยกรรมที่สร้างในช่วงตั้งแต่ครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ถึงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ส่วนใหญ่ยังคงใช้งานอยู่ในปัจจุบันนี้ ทัวร์พร้อมไกด์เล่าตำนานของฟาร์มโคะอิวะอิที่จะนำเที่ยวชมแหล่งผลิตซึ่งปกติไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญจึงได้รับความนิยมเป็นพิเศษอีกทั้งทัวร์เต็มอิ่มกับธรรมชาติที่ตระเวนชมเขตป่าซึ่งปกติจะไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมด้วย “แทรกเตอร์เทรน” อันเป็นตู้โดยสารโดยรถแทรกเตอร์ก็ได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน
กิจกรรมก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมขี่ม้า การแสดงจากแกะ การทำเนย หรือการกระโดดบนแทรมโพลีน
ไม่ควรพลาดทานขนมหวานและอาหารที่ใช้วัตถุดิบผลิตในฟาร์ม แล้วก็เชิญมาเอร็ดอร่อยกับซอฟต์ครีมที่ทำจากนมรีดสดใหม่
การประดับไฟฤดูหนาวงานใหญ่ที่สุดในโทโฮคุจะให้คุณได้เพลิดเพลินกับฟาร์มในแบบที่แตกต่างกับตอนกลางวัน
ซากุระต้นเดี่ยวที่บานสะพรั่งโดยมีภูเขาอิวะเตะอันยิ่งใหญ่เป็นฉากหลังก็มีชื่อเสียงเช่นกัน
อาคาร 21 แห่ง เช่น คอกวัว และถังเก็บผลผลิต ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น เช่น “สำนักงานใหญ่ฟาร์มโคะอิวะอิ” ซึ่งปรากฏอยู่ในผลงานของนักกวีชื่อมิยะซะวะ เค็นจิ สถาปัตยกรรมที่สร้างในช่วงตั้งแต่ครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ถึงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ส่วนใหญ่ยังคงใช้งานอยู่ในปัจจุบันนี้ ทัวร์พร้อมไกด์เล่าตำนานของฟาร์มโคะอิวะอิที่จะนำเที่ยวชมแหล่งผลิตซึ่งปกติไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญจึงได้รับความนิยมเป็นพิเศษอีกทั้งทัวร์เต็มอิ่มกับธรรมชาติที่ตระเวนชมเขตป่าซึ่งปกติจะไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมด้วย “แทรกเตอร์เทรน” อันเป็นตู้โดยสารโดยรถแทรกเตอร์ก็ได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน
กิจกรรมก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมขี่ม้า การแสดงจากแกะ การทำเนย หรือการกระโดดบนแทรมโพลีน
ไม่ควรพลาดทานขนมหวานและอาหารที่ใช้วัตถุดิบผลิตในฟาร์ม แล้วก็เชิญมาเอร็ดอร่อยกับซอฟต์ครีมที่ทำจากนมรีดสดใหม่
การประดับไฟฤดูหนาวงานใหญ่ที่สุดในโทโฮคุจะให้คุณได้เพลิดเพลินกับฟาร์มในแบบที่แตกต่างกับตอนกลางวัน
ซากุระต้นเดี่ยวที่บานสะพรั่งโดยมีภูเขาอิวะเตะอันยิ่งใหญ่เป็นฉากหลังก็มีชื่อเสียงเช่นกัน
สึนะกิออนเซ็น
โมริโอกะโนะโอคุซาชิกิ, น้ำพุร้อนที่เกี่ยวพันกับมินาโมโตะโนะโยชิอิเอะ
เมืองออนเซ็นริมอ่างเก็บน้ำชื่อ “ทะเลสาบโกโชะ” มีวิวสวยๆ ซึ่งเกิดขึ้นมาจาก “สะพานสึนางิโอฮาชิ” ที่ทอดข้ามทะเลสาบและภูเขาอิวะเตะให้ได้เพลิดเพลินกัน
สึนางิออนเซ็นมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 900 ปี และชื่อของมันตั้งมาจากตอนที่นายพลมินาโมโตะโนะโยชิอิเอะผูกม้าตัวโปรดเอาไว้กับหินก่อนจะลงแช่เมื่อศตวรรษที่ 11 ภายในศาลเจ้าสึนางิออนเซ็นจึงมีหินสึนางิอยู่ ผู้คนจำนวนมากคุ้นเคยดีว่าเป็น “โมริโอกะโนะโอคุซาชิกิ (สถานที่พักผ่อนแห่งโมริโอกะ)” น้ำพุร้อนมีคุณสมบัติเป็นด่างและมีชื่อเสียงว่าเป็นน้ำพุร้อนผิวงามซึ่งจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวและทำให้ผิวลื่นเรียบเนียน อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือการมีกรดเมตาซิลิเกตอันเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติซึ่งกำลังเป็นที่สนใจรวมอยู่ด้วย
ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีโดยนั่งรถยนต์ 30 นาทีจากสถานีโมริโอกะ นอกจากบริเวณใกล้เคียงจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง “ฟาร์มโคะอิวะอิ” และ “หมู่บ้านสิ่งประดิษฐ์มือโมริโอกะ” แล้ว ยังเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวอย่างทะเลสาบโทะวะดะ ฮะจิมันไท คะคุโนะดะเทะ ชายหาดโจโดะงาฮามะ ฮิราอิซุมิได้ง่ายอีกด้วย จึงขอแนะนำให้เป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการท่องเที่ยวโทโฮคุตอนเหนือ เมืองออนเซ็นมีที่พักใหญ่น้อยมากมาย ฉะนั้นคุณน่าจะหาโรงแรมที่ถูกใจได้ไม่ยาก
เทศกาลทะเลสาบโกโชะในฤดูร้อนจะมีการจุดดอกไม้ไฟแสนงดงามเหนือท้องทะเลสาบ จึงต้องไม่พลาดมาเพลิดเพลินกับทะเลสาบไปพร้อมกับทิวทัศน์ทั้งสี่ฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ใบไม้สีเขียวชอุ่ม ใบไม้เปลี่ยนสี หรือวิวหิมะกันได้ที่นี่
สึนางิออนเซ็นมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 900 ปี และชื่อของมันตั้งมาจากตอนที่นายพลมินาโมโตะโนะโยชิอิเอะผูกม้าตัวโปรดเอาไว้กับหินก่อนจะลงแช่เมื่อศตวรรษที่ 11 ภายในศาลเจ้าสึนางิออนเซ็นจึงมีหินสึนางิอยู่ ผู้คนจำนวนมากคุ้นเคยดีว่าเป็น “โมริโอกะโนะโอคุซาชิกิ (สถานที่พักผ่อนแห่งโมริโอกะ)” น้ำพุร้อนมีคุณสมบัติเป็นด่างและมีชื่อเสียงว่าเป็นน้ำพุร้อนผิวงามซึ่งจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวและทำให้ผิวลื่นเรียบเนียน อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือการมีกรดเมตาซิลิเกตอันเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติซึ่งกำลังเป็นที่สนใจรวมอยู่ด้วย
ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีโดยนั่งรถยนต์ 30 นาทีจากสถานีโมริโอกะ นอกจากบริเวณใกล้เคียงจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง “ฟาร์มโคะอิวะอิ” และ “หมู่บ้านสิ่งประดิษฐ์มือโมริโอกะ” แล้ว ยังเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวอย่างทะเลสาบโทะวะดะ ฮะจิมันไท คะคุโนะดะเทะ ชายหาดโจโดะงาฮามะ ฮิราอิซุมิได้ง่ายอีกด้วย จึงขอแนะนำให้เป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการท่องเที่ยวโทโฮคุตอนเหนือ เมืองออนเซ็นมีที่พักใหญ่น้อยมากมาย ฉะนั้นคุณน่าจะหาโรงแรมที่ถูกใจได้ไม่ยาก
เทศกาลทะเลสาบโกโชะในฤดูร้อนจะมีการจุดดอกไม้ไฟแสนงดงามเหนือท้องทะเลสาบ จึงต้องไม่พลาดมาเพลิดเพลินกับทะเลสาบไปพร้อมกับทิวทัศน์ทั้งสี่ฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ใบไม้สีเขียวชอุ่ม ใบไม้เปลี่ยนสี หรือวิวหิมะกันได้ที่นี่
วันที่ 2
บ้านซามูไรคะคุโนะดะเทะ
มาย้อนเวลาไปกับ “เกียวโตจิ๋วแห่งมิจิโนะคุ”
คะคุโนะดะเทะเป็นเมืองรอบปราสาทที่เคยเจริญรุ่งเรืองในสมัยเอโดะและได้รับฉายาว่า ""เกียวโตจิ๋วแห่งมิจิโนะคุ"" โดยภายในพื้นที่เล็กๆ รัศมี 2 กม. มีสิ่งก่อสร้างตั้งแต่สมัยโบราณหลงเหลืออยู่จำนวนมาก เช่น คฤหาสน์ซามูไร จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติแห่แหนกันมาเพื่อชมเมืองอันงดงามแบบย้อนยุค ถนนเส้นหลักที่ตัดผ่านระหว่างกลุ่มคฤหาสน์ซามูไรได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเขตอนุรักษ์กลุ่มสถาปัตยกรรมดั้งเดิมสำคัญของญี่ปุ่นและได้รับการอนุรักษ์เป็นสมบัติทางวัฒนธรรม
คุณสามารถเยี่ยมชมคฤหาสน์ซามูไรของจริงจำนวนมากได้ เช่น “คฤหาสน์อิชิกุโระ” “หมู่บ้านประวัติศาสตร์คะคุโนะดะเทะ คฤหาสน์อาโอยางิ” “คฤหาสน์อิวาฮาชิ” “คฤหาสน์มัตสึโมโตะ” “คฤหาสน์คาวาราดะ” ในบรรดานั้นมีคฤหาสน์ที่ยังใช้เป็นบ้านที่อยู่อาศัยแม้ในปัจจุบันนี้ด้วย บริเวณโดยรอบมีร้านให้เช่าชุดกิโมโนอยู่หลายแห่งจึงขอแนะนำให้เปลี่ยนไปสวมชุดกิโมโนโบราณแล้วไปเดินเล่น การเดินเล่นท่ามกลางบ้านเมืองที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นในชุดกิโมโนจะทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วจะยิ่งรู้สึกเช่นนั้นมากขึ้นเมื่อนั่งรถลากตระเวนไปตามถนนหนทางจาก “พิพิธภัณฑ์ศิลปะหัตถกรรมจากเปลือกไม้ซากุระ”
มีกลิ่นอายที่แตกต่างไปตามฤดูกาลทั้งสี่ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ใบไม้เขียวชอุ่ม ใบไม้เปลี่ยนสี หรือวิวหิมะ แต่โด่งดังเป็นพิเศษในฐานะเป็นจุดชมซากุระชื่อดังและจะมีผู้คนมากมายมากันอย่างคับคั่งตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงเหมาะกับการชม สีซากุระของซากุระพันธุ์กิ่งย้อยที่สง่างามอยู่บนรั้วสีดำของคฤหาสน์ซามูไรนี้เป็นวิวธรรมชาติที่สวยงาม มีซากุระพันธุ์กิ่งย้อยเรียงรายกว่า 400 ต้นและ 162 ต้นในบรรดานั้นได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติของญี่ปุ่นอีกด้วย
ทำเลดีโดยใช้เวลาเดิน 15-20 นาทีจากสถานี JR คะคุโนะดะเทะ และ “คะคุโนะดะเทะเอกิมาเอะคุระ” อาคารสไตล์โกดังที่ตั้งอยู่หน้าสถานีได้กลายเป็นศูนย์แนะนำข้อมูลท่องเที่ยว ซึ่งการหยิบแผนที่หรือแผ่นพับนี้จะช่วยให้คุณเที่ยวได้สะดวกสบาย
คุณสามารถเยี่ยมชมคฤหาสน์ซามูไรของจริงจำนวนมากได้ เช่น “คฤหาสน์อิชิกุโระ” “หมู่บ้านประวัติศาสตร์คะคุโนะดะเทะ คฤหาสน์อาโอยางิ” “คฤหาสน์อิวาฮาชิ” “คฤหาสน์มัตสึโมโตะ” “คฤหาสน์คาวาราดะ” ในบรรดานั้นมีคฤหาสน์ที่ยังใช้เป็นบ้านที่อยู่อาศัยแม้ในปัจจุบันนี้ด้วย บริเวณโดยรอบมีร้านให้เช่าชุดกิโมโนอยู่หลายแห่งจึงขอแนะนำให้เปลี่ยนไปสวมชุดกิโมโนโบราณแล้วไปเดินเล่น การเดินเล่นท่ามกลางบ้านเมืองที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นในชุดกิโมโนจะทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วจะยิ่งรู้สึกเช่นนั้นมากขึ้นเมื่อนั่งรถลากตระเวนไปตามถนนหนทางจาก “พิพิธภัณฑ์ศิลปะหัตถกรรมจากเปลือกไม้ซากุระ”
มีกลิ่นอายที่แตกต่างไปตามฤดูกาลทั้งสี่ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ใบไม้เขียวชอุ่ม ใบไม้เปลี่ยนสี หรือวิวหิมะ แต่โด่งดังเป็นพิเศษในฐานะเป็นจุดชมซากุระชื่อดังและจะมีผู้คนมากมายมากันอย่างคับคั่งตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงเหมาะกับการชม สีซากุระของซากุระพันธุ์กิ่งย้อยที่สง่างามอยู่บนรั้วสีดำของคฤหาสน์ซามูไรนี้เป็นวิวธรรมชาติที่สวยงาม มีซากุระพันธุ์กิ่งย้อยเรียงรายกว่า 400 ต้นและ 162 ต้นในบรรดานั้นได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติของญี่ปุ่นอีกด้วย
ทำเลดีโดยใช้เวลาเดิน 15-20 นาทีจากสถานี JR คะคุโนะดะเทะ และ “คะคุโนะดะเทะเอกิมาเอะคุระ” อาคารสไตล์โกดังที่ตั้งอยู่หน้าสถานีได้กลายเป็นศูนย์แนะนำข้อมูลท่องเที่ยว ซึ่งการหยิบแผนที่หรือแผ่นพับนี้จะช่วยให้คุณเที่ยวได้สะดวกสบาย
ทานอาหารกลางวันแถวคะคุโนะดะเทะ (อาหารพื้นเมือง)
ทะลเสาบทาซาวะ
สีน้ำเงินเข้มน่าพิศวง พาวเวอร์สปอตที่น้ำลึกที่สุดในญี่ปุ่น
ทะเลสาบทาซาวะ จุดชมวิวที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น มีความลึก 423.4 เมตร สีของน้ำบนพื้นผิวของทะเลสาบที่เปลี่ยนจากสีน้ำเงินอัญมณีไพฑูรย์ เป็นสีน้ำเงินของท้องฟ้า และเป็นสีน้ำเงินครามนั้นควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม และอยากให้ลองมาทำกิจกรรมในทะเลสาบที่มีทั้งการล่องเรือชมทิวทัศน์ ปั่นเรือถีบ พายเรือแคนู เรือคายัค และพายซับบอร์ด (SUP) เป็นต้น นอกจากนี้ สีสันของน้ำในทะเลสาบจะเปลี่ยนไปตามองศาที่คุณมอง จึงแนะนำให้ทำกิจกรรม เช่น ปั่นจักรยาน เดินป่า และขับรถเลียบทะเลสาบ หรือหากมาตั้งแคมป์ก็จะได้เพลิดเพลินกับสีสันของทะเลสาบที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา
"รูปปั้นทัตสึโกะ" รูปปั้นผู้หญิงสีทองที่มีฉากหลังเป็นทะเลสาบอันงดงาม จุดท่องเที่ยวชื่อดังของทะเลสาบทะซะวะ สร้างขึ้นตามตำนานที่ว่า เมื่อนานมาแล้วมีหญิงสาวผู้หนึ่งชื่อว่าทัตสึโกะ เธอปรารถนาให้ความงดงามของเธอเป็นนิรันดร์ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้กลายเป็นมังกร เธอจึงกระโจนตัวเองลงไปในทะเลสาบทะซะวะ และยังมีตำนานเล่าต่ออีกว่า ที่ทะเลสาบที่มีชื่อว่าฮาจิโร่กะตะ มีชายคนหนึ่งชื่อฮาจิโร่ทาโร่ได้กลายร่างจากมนุษย์ไปเป็นมังกรและได้มาหลงรักกับทัตสึโกะ ต่อมาทั้งสองได้มาอาศัยอยู่ด้วยกันที่ทะเลสาบทะซะวะ ทะเลสาบจึงลึกขึ้นเรื่อยๆ จนไม่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว ในขณะที่ทะเลสาบฮาจิโร่กะตะซึ่งไร้เจ้าของกลับตื้นเขินขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีๆ
และยังมีรูปปั้นอื่นที่เกี่ยวข้องกับตำนานทัตสึโกะอีก คือ รูปปั้นกวนอิม "คันนอนทัตสึโกะ" บนชายฝั่งตะวันออกของทะเลสาบ และรูปปั้น "เจ้าหญิงทัตสึโกะ" ที่ตั้งอยู่ในเขตศาลเจ้าโกซะโนะอิชิ รวมทั้งหมด 3 รูปปั้น และที่อยู่ที่ติดกับรูปปั้นทัตสึโกะ คือ "ศาลเจ้าอุคิกิ" จุดเสริมพลังเรื่องการครองคู่ ส่วน "ศาลเจ้าโกซะโนะอิชิ" มีเทพเจ้าเจ้าหญิงทัตสึโกะ (ทัตสึโคฮิเมะ โนะ คามิ) เป็นเทพเจ้าประจำศาลเจ้า ขึ้นชื่อเรื่องการให้พรที่เกี่ยวกับความสวยความงาม ประตูโทริอิสีแดงเป็นจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยม
ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น มีความลึก 423.4 เมตร สีของน้ำบนพื้นผิวของทะเลสาบที่เปลี่ยนจากสีน้ำเงินอัญมณีไพฑูรย์ เป็นสีน้ำเงินของท้องฟ้า และเป็นสีน้ำเงินครามนั้นควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม และอยากให้ลองมาทำกิจกรรมในทะเลสาบที่มีทั้งการล่องเรือชมทิวทัศน์ ปั่นเรือถีบ พายเรือแคนู เรือคายัค และพายซับบอร์ด (SUP) เป็นต้น นอกจากนี้ สีสันของน้ำในทะเลสาบจะเปลี่ยนไปตามองศาที่คุณมอง จึงแนะนำให้ทำกิจกรรม เช่น ปั่นจักรยาน เดินป่า และขับรถเลียบทะเลสาบ หรือหากมาตั้งแคมป์ก็จะได้เพลิดเพลินกับสีสันของทะเลสาบที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา
"รูปปั้นทัตสึโกะ" รูปปั้นผู้หญิงสีทองที่มีฉากหลังเป็นทะเลสาบอันงดงาม จุดท่องเที่ยวชื่อดังของทะเลสาบทะซะวะ สร้างขึ้นตามตำนานที่ว่า เมื่อนานมาแล้วมีหญิงสาวผู้หนึ่งชื่อว่าทัตสึโกะ เธอปรารถนาให้ความงดงามของเธอเป็นนิรันดร์ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้กลายเป็นมังกร เธอจึงกระโจนตัวเองลงไปในทะเลสาบทะซะวะ และยังมีตำนานเล่าต่ออีกว่า ที่ทะเลสาบที่มีชื่อว่าฮาจิโร่กะตะ มีชายคนหนึ่งชื่อฮาจิโร่ทาโร่ได้กลายร่างจากมนุษย์ไปเป็นมังกรและได้มาหลงรักกับทัตสึโกะ ต่อมาทั้งสองได้มาอาศัยอยู่ด้วยกันที่ทะเลสาบทะซะวะ ทะเลสาบจึงลึกขึ้นเรื่อยๆ จนไม่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว ในขณะที่ทะเลสาบฮาจิโร่กะตะซึ่งไร้เจ้าของกลับตื้นเขินขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีๆ
และยังมีรูปปั้นอื่นที่เกี่ยวข้องกับตำนานทัตสึโกะอีก คือ รูปปั้นกวนอิม "คันนอนทัตสึโกะ" บนชายฝั่งตะวันออกของทะเลสาบ และรูปปั้น "เจ้าหญิงทัตสึโกะ" ที่ตั้งอยู่ในเขตศาลเจ้าโกซะโนะอิชิ รวมทั้งหมด 3 รูปปั้น และที่อยู่ที่ติดกับรูปปั้นทัตสึโกะ คือ "ศาลเจ้าอุคิกิ" จุดเสริมพลังเรื่องการครองคู่ ส่วน "ศาลเจ้าโกซะโนะอิชิ" มีเทพเจ้าเจ้าหญิงทัตสึโกะ (ทัตสึโคฮิเมะ โนะ คามิ) เป็นเทพเจ้าประจำศาลเจ้า ขึ้นชื่อเรื่องการให้พรที่เกี่ยวกับความสวยความงาม ประตูโทริอิสีแดงเป็นจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยม
พักที่ เมืองออนเซ็นนิวโต 1 คืน
ออนเซ็นที่คนไม่ค่อยรู้จักและควรไปให้ได้สักครั้ง เจ็ดโรงแรมและเจ็ดน้ำพุร้อนที่สงบเงียบอยู่ในหุบเขา
หมู่บ้านนิวโตะออนเซ็นมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศญี่ปุ่นในฐานะบ่อน้ำพุร้อนลึกลับ มีที่พักติดออนเซ็นทั้งหมด 7 แห่ง แต่ละแห่งมีแหล่งต้นน้ำเป็นของตัวเอง ด้วยความหลากหลายทางด้านคุณสมบัติของบ่อน้ำพุร้อนและบรรยากาศของที่พักในแต่ละแห่ง จึงอยากแนะนำให้เพลิดเพลินไปกับความแตกต่างโดยการตระเวณไปยังที่พักต่างๆ
เมื่อซื้อแผนที่ "ยุเมะกุริ-แมพ" ในราคา 600 เยน สามารถใช้นั่งรถบัสสาย "ยุเมะกุริ-โก" ที่วนรอบหมู่บ้านนิวโตะออนเซ็นได้ไม่จำกัดเที่ยวในหนึ่งวัน ซึ่งสะดวกมาก สำหรับแขกผู้เข้าพักสามารถซื้อ "ยุเมะกุริ-โจ" ที่รวมค่าลงแช่บ่อน้ำพุร้อนในที่พักทั้ง 7 แห่งในราคา 1,800 เยน โดยทั้งหมดนี้มีจำหน่ายที่แผนกต้อนรับของที่พักแต่ละแห่ง
เมื่อซื้อแผนที่ "ยุเมะกุริ-แมพ" ในราคา 600 เยน สามารถใช้นั่งรถบัสสาย "ยุเมะกุริ-โก" ที่วนรอบหมู่บ้านนิวโตะออนเซ็นได้ไม่จำกัดเที่ยวในหนึ่งวัน ซึ่งสะดวกมาก สำหรับแขกผู้เข้าพักสามารถซื้อ "ยุเมะกุริ-โจ" ที่รวมค่าลงแช่บ่อน้ำพุร้อนในที่พักทั้ง 7 แห่งในราคา 1,800 เยน โดยทั้งหมดนี้มีจำหน่ายที่แผนกต้อนรับของที่พักแต่ละแห่ง
วันที่ 3
สวนเซนชู
ใบไม้เปลี่ยนสีที่แต่งแต้มสีสันให้กับซากปราสาทคูโบตะ
สวนสาธารณะเซ็นชุ ที่ตั้งของซากปราสาทมูลค่า 200,000 โกคุของตระกูลซาตาเกะแห่งแคว้นอาคิตะ ช่วงเวลาดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปีคือตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน จากห้องสังเกตการณ์ของป้อมโอซุมิยางุระ สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบด้านของเมืองอาคิตะ เพลิดเพลินกับการชมซุ้มประตูทางเข้าหน้าปราสาทคูโบตะ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ซาทาเกะ และจุดอื่นๆ ไปพร้อมกับการชมใบไม้เปลี่ยนสี
ทานอาหารกลางวันในเมืองอะคิตะ
อินะนิวะอุด้ง
อินะนิวะอุด้งถือกำเนิดในอินะนิวะโจ เมืองยุซะวะ ขั้นตอนการนวดเส้น, ทุบเส้น, รีดเส้น ทำด้วยมือทุกขั้นตอน จุดเด่นคือความเหนียวนุ่มและความลื่นคอ เป็นหนึ่งในสามอุด้งที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น ในสมัยเอโดะ เคยถูกนำไปมอบให้ผู้ครองแคว้นเป็นบรรณาการ และถูกใช้เป็นของกำนัลเมื่อผู้ครองแคว้นเข้าไปรายงานตัวในเมือง นอกจากเมืองยุซะวะแล้ว ที่อื่นในจังหวัดอะคิตะ เช่น ตัวเมืองอะคิตะ ก็สามารถหาอินะนิวะอุด้งทานได้เช่นกัน
ค้นหาร้านอาหาร
ค้นหาร้านอาหาร
Ogashinzan Traditional Museum
การแสดงพิธีกรรมพื้นบ้าน “นะมะฮะเกะ” ที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ!
"นะมะฮะเกะ" เป็นพิธีกรรมพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาในแหลมโอะกะและบริเวณแถวนั้นทั้งหมด เทพสวมหน้ากากยักษ์จะโผล่มาตะโกนถามว่า “มีเด็กขี้แยหรือไม่” จึงมักจะถูกมองว่าเป็นวายร้ายชอบทำเด็กร้องไห้ แต่ความจริงแล้วเทพองค์นี้จะมาหาทุกวันสิ้นปีเพื่อตักเตือนไม่ให้คนเกียจคร้าน ช่วยให้สุขภาพแข็งแรงไร้โรคภัย ผลผลิตงอกงาม ป่าและทะเลอุดมสมบูรณ์
พิพิธภัณฑ์ตำนานโอะกะชินซังเป็นอาคารให้สัมผัสประสบการณ์ “นะมะฮะเกะ” อาคารเป็นบ้านหลังคามุงจาก เป็นบ้านแบบดั้งเดิมที่เรียกกันว่า “มาการิยะ (มาการิ แปลว่าโค้งงอ)” เพราะดั้งกับคอกม้าจะงอเป็นรูปตัว L และเชื่อมต่อกัน บ้านที่จะให้สัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตในสมัยก่อนนั้นมีบรรยากาศแบบที่ “นะมะฮะเกะ” น่าจะปรากฏตัว พอนั่งลงในห้องปูเสื่อที่มีเตาโบราณอิโระริและฟังบรรยายเกี่ยวกับวัฒนธรรมนะมะฮะเกะแล้ว ในที่สุดก็จะได้เวลาการแสดง “นะมะฮะเกะ” ที่รอคอย! การตะโกนเสียงดังว่า “มีเด็กดื้อหรือไม่” “มีเด็กขี้แยหรือไม่” และเดินวนไปมาระหว่างเหยียบลงบนเสื่ออย่างรุนแรงนั้นมีความน่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก กล่าวกันว่าฟางที่หล่นลงมาจากชุดนะมะฮะเกะจะช่วยขับไล่ปีศาจได้ ฉะนั้นลองนำกลับบ้านไปดูก็ดีเหมือนกัน (ห้ามฝืนดึงออกมา)
“พิพิธภัณฑ์ตำนานโอะกะชินซัง” ตั้งติดกับ “พิพิธภัณฑ์นะมะฮะเกะ” ที่ได้รวบรวมนะมะฮะเกะมาจัดแสดงไว้เป็นจำนวนมากและมีมุมให้คุณแปลงกายเป็นนะมะฮะเกะได้ เชิญคุณมาสนุกสนานอย่างอิ่มหนำสำราญใจไปกับวัฒนธรรมพื้นบ้าน “นะมะฮะเกะ” ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากยูเนสโก
พิพิธภัณฑ์ตำนานโอะกะชินซังเป็นอาคารให้สัมผัสประสบการณ์ “นะมะฮะเกะ” อาคารเป็นบ้านหลังคามุงจาก เป็นบ้านแบบดั้งเดิมที่เรียกกันว่า “มาการิยะ (มาการิ แปลว่าโค้งงอ)” เพราะดั้งกับคอกม้าจะงอเป็นรูปตัว L และเชื่อมต่อกัน บ้านที่จะให้สัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตในสมัยก่อนนั้นมีบรรยากาศแบบที่ “นะมะฮะเกะ” น่าจะปรากฏตัว พอนั่งลงในห้องปูเสื่อที่มีเตาโบราณอิโระริและฟังบรรยายเกี่ยวกับวัฒนธรรมนะมะฮะเกะแล้ว ในที่สุดก็จะได้เวลาการแสดง “นะมะฮะเกะ” ที่รอคอย! การตะโกนเสียงดังว่า “มีเด็กดื้อหรือไม่” “มีเด็กขี้แยหรือไม่” และเดินวนไปมาระหว่างเหยียบลงบนเสื่ออย่างรุนแรงนั้นมีความน่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก กล่าวกันว่าฟางที่หล่นลงมาจากชุดนะมะฮะเกะจะช่วยขับไล่ปีศาจได้ ฉะนั้นลองนำกลับบ้านไปดูก็ดีเหมือนกัน (ห้ามฝืนดึงออกมา)
“พิพิธภัณฑ์ตำนานโอะกะชินซัง” ตั้งติดกับ “พิพิธภัณฑ์นะมะฮะเกะ” ที่ได้รวบรวมนะมะฮะเกะมาจัดแสดงไว้เป็นจำนวนมากและมีมุมให้คุณแปลงกายเป็นนะมะฮะเกะได้ เชิญคุณมาสนุกสนานอย่างอิ่มหนำสำราญใจไปกับวัฒนธรรมพื้นบ้าน “นะมะฮะเกะ” ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากยูเนสโก
พิพิธภัณฑ์นะมะฮะเงะ
นะมะฮะเกะมารวมกันที่นี่มากมายกว่า 150 แบบ! และมุมแปลงโฉมก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
นามาฮาเกะ งานประเพณีพื้นบ้านดั้งเดิมที่สืบทอดต่อกันมาในคาบสมุทรโอกะและบริเวณโดยรอบ การสวมหน้ากากยักษ์พร้อมกับเปล่งเสียงตะโกนไปด้วยว่า "มีเด็กร้องไหมมม" คนจึงมักคิดกันว่าเป็นปีศาจร้ายที่ชอบทำให้เด็กร้องไห้ แต่แท้จริงแล้ว นามะฮาเกะนั้นเป็นเทพที่เสด็จลงมาในวันส่งท้ายปีเก่าของทุกปีเพื่อคอยตักเตือนผู้คนไม่ให้เกียจคร้าน ช่วยให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ การเก็บเกี่ยวนาข้าวและพืชผลต่างๆ ได้ผลผลิตดี ภูเขาอุดมสมบูรณ์ ทะเลก็อุดมสมบูรณ์
"พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" เป็นสถานที่แนะนำประวัติศาสตร์และภูมิอากาศของพื้นที่แถบนี้โดยมีนามาฮาเกะเป็นหัวข้อจัดแสดงหลัก ที่มุมจัดแสดงเกี่ยวกับนามาฮาเกะ มีการจัดแสดงหน้ากากหลายแบบหลายลายที่ถูกใช้จริงในแต่ละหมู่บ้านมากถึง 150 ชิ้น ส่วนที่ห้องโถงแห่งตำนานมีการแสดงภาพยนตร์เรื่อง "ค่ำคืนหนึ่งของนามาฮาเกะ" ที่มีการแนะนำวัฒนธรรมนามาฮาเกะในวันส่งท้ายปีเก่า
นอกจากจะมีมุมที่คุณสามารถถ่ายรูปที่ระลึกขณะสวมใส่ชุดนามาฮาเกะของจริงได้แล้ว (ปัจจุบันปิดทำการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19) ยังมีมุมจำหน่ายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับนามาฮาเกะอีกด้วย และถ้าหากคุณโชคดี คุณอาจได้ชมช่างแกะสลักนามาฮาเกะทำการสาธิตแกะสลักหน้ากากด้วยมือ (จัดขึ้นเป็นครั้งคราว)
ติดกับ "พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" คือ "พิพิธภัณฑ์ตำนานพื้นบ้านโอะกะชินซัน" ที่ซึ่งสามารถชมการแสดงจริงของนามาฮาเกะ หากมีโอกาส โปรดเดินทางมาเยี่ยมชมทั้งสองแห่งและเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมพื้นบ้านนามาฮาเกะที่ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดยยูเนสโก
"พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" เป็นสถานที่แนะนำประวัติศาสตร์และภูมิอากาศของพื้นที่แถบนี้โดยมีนามาฮาเกะเป็นหัวข้อจัดแสดงหลัก ที่มุมจัดแสดงเกี่ยวกับนามาฮาเกะ มีการจัดแสดงหน้ากากหลายแบบหลายลายที่ถูกใช้จริงในแต่ละหมู่บ้านมากถึง 150 ชิ้น ส่วนที่ห้องโถงแห่งตำนานมีการแสดงภาพยนตร์เรื่อง "ค่ำคืนหนึ่งของนามาฮาเกะ" ที่มีการแนะนำวัฒนธรรมนามาฮาเกะในวันส่งท้ายปีเก่า
นอกจากจะมีมุมที่คุณสามารถถ่ายรูปที่ระลึกขณะสวมใส่ชุดนามาฮาเกะของจริงได้แล้ว (ปัจจุบันปิดทำการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19) ยังมีมุมจำหน่ายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับนามาฮาเกะอีกด้วย และถ้าหากคุณโชคดี คุณอาจได้ชมช่างแกะสลักนามาฮาเกะทำการสาธิตแกะสลักหน้ากากด้วยมือ (จัดขึ้นเป็นครั้งคราว)
ติดกับ "พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" คือ "พิพิธภัณฑ์ตำนานพื้นบ้านโอะกะชินซัน" ที่ซึ่งสามารถชมการแสดงจริงของนามาฮาเกะ หากมีโอกาส โปรดเดินทางมาเยี่ยมชมทั้งสองแห่งและเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมพื้นบ้านนามาฮาเกะที่ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดยยูเนสโก
จุดหมายปลายทาง