2 คืน 3 วันในโอกะออนเซ็น [Base! โทโฮคุ]
ความพิเศษอย่างหนึ่งของโองะคือ ``โองะ นามาฮาเกะ'' ซึ่งได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO
โองะออนเซ็นเคียวตั้งอยู่ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกอันทรงคุณค่าซึ่งคุณสามารถสัมผัสวัฒนธรรมนามาฮาเงะได้ ดังนั้นอย่าลืมไปเยี่ยมชม
เริ่มต้น
วันที่ 1
พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ (เมืองโอกะ จังหวัดอะคิตะ)
นะมะฮะเกะมารวมกันที่นี่มากมายกว่า 150 แบบ! และมุมแปลงโฉมก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
นามาฮาเกะ งานประเพณีพื้นบ้านดั้งเดิมที่สืบทอดต่อกันมาในคาบสมุทรโอกะและบริเวณโดยรอบ การสวมหน้ากากยักษ์พร้อมกับเปล่งเสียงตะโกนไปด้วยว่า "มีเด็กร้องไหมมม" คนจึงมักคิดกันว่าเป็นปีศาจร้ายที่ชอบทำให้เด็กร้องไห้ แต่แท้จริงแล้ว นามะฮาเกะนั้นเป็นเทพที่เสด็จลงมาในวันส่งท้ายปีเก่าของทุกปีเพื่อคอยตักเตือนผู้คนไม่ให้เกียจคร้าน ช่วยให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ การเก็บเกี่ยวนาข้าวและพืชผลต่างๆ ได้ผลผลิตดี ภูเขาอุดมสมบูรณ์ ทะเลก็อุดมสมบูรณ์
"พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" เป็นสถานที่แนะนำประวัติศาสตร์และภูมิอากาศของพื้นที่แถบนี้โดยมีนามาฮาเกะเป็นหัวข้อจัดแสดงหลัก ที่มุมจัดแสดงเกี่ยวกับนามาฮาเกะ มีการจัดแสดงหน้ากากหลายแบบหลายลายที่ถูกใช้จริงในแต่ละหมู่บ้านมากถึง 150 ชิ้น ส่วนที่ห้องโถงแห่งตำนานมีการแสดงภาพยนตร์เรื่อง "ค่ำคืนหนึ่งของนามาฮาเกะ" ที่มีการแนะนำวัฒนธรรมนามาฮาเกะในวันส่งท้ายปีเก่า
นอกจากจะมีมุมที่คุณสามารถถ่ายรูปที่ระลึกขณะสวมใส่ชุดนามาฮาเกะของจริงได้แล้ว (ปัจจุบันปิดทำการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19) ยังมีมุมจำหน่ายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับนามาฮาเกะอีกด้วย และถ้าหากคุณโชคดี คุณอาจได้ชมช่างแกะสลักนามาฮาเกะทำการสาธิตแกะสลักหน้ากากด้วยมือ (จัดขึ้นเป็นครั้งคราว)
ติดกับ "พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" คือ "พิพิธภัณฑ์ตำนานพื้นบ้านโอะกะชินซัน" ที่ซึ่งสามารถชมการแสดงจริงของนามาฮาเกะ หากมีโอกาส โปรดเดินทางมาเยี่ยมชมทั้งสองแห่งและเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมพื้นบ้านนามาฮาเกะที่ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดยยูเนสโก
"พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" เป็นสถานที่แนะนำประวัติศาสตร์และภูมิอากาศของพื้นที่แถบนี้โดยมีนามาฮาเกะเป็นหัวข้อจัดแสดงหลัก ที่มุมจัดแสดงเกี่ยวกับนามาฮาเกะ มีการจัดแสดงหน้ากากหลายแบบหลายลายที่ถูกใช้จริงในแต่ละหมู่บ้านมากถึง 150 ชิ้น ส่วนที่ห้องโถงแห่งตำนานมีการแสดงภาพยนตร์เรื่อง "ค่ำคืนหนึ่งของนามาฮาเกะ" ที่มีการแนะนำวัฒนธรรมนามาฮาเกะในวันส่งท้ายปีเก่า
นอกจากจะมีมุมที่คุณสามารถถ่ายรูปที่ระลึกขณะสวมใส่ชุดนามาฮาเกะของจริงได้แล้ว (ปัจจุบันปิดทำการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19) ยังมีมุมจำหน่ายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับนามาฮาเกะอีกด้วย และถ้าหากคุณโชคดี คุณอาจได้ชมช่างแกะสลักนามาฮาเกะทำการสาธิตแกะสลักหน้ากากด้วยมือ (จัดขึ้นเป็นครั้งคราว)
ติดกับ "พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" คือ "พิพิธภัณฑ์ตำนานพื้นบ้านโอะกะชินซัน" ที่ซึ่งสามารถชมการแสดงจริงของนามาฮาเกะ หากมีโอกาส โปรดเดินทางมาเยี่ยมชมทั้งสองแห่งและเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมพื้นบ้านนามาฮาเกะที่ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดยยูเนสโก
ศาลเจ้าชินซัน
ศาลเจ้าชินซันมีความรุ่งเรืองเฟื่องฟูเป็นอย่างมากในฐานะศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์สำหรับการสักการะภูเขามาตั้งแต่สมัยโบราณภายใต้การอุปถัมภ์ของผู้ปกครองในสมัยนั้น วิหารหลักตั้งอยู่ที่ด้านบนสุดของภูเขาชินซัง (567 เมตร) และเป็นที่เคารพสักการะในฐานะเทพเจ้าผู้พิทักษ์ความมั่นคงของชาติ ทหารหาญมีอายุยืนยาวและโชคดีในสนามรบ พืชผลอุดมสมบูรณ์ และความปลอดภัยทางทะเลจากประตูนิโอมงไปจนถึงโถงสักการะมีบันไดหินจำนวน 70 ขั้นที่จะพาคุณขึ้นไปยังเขตของศาลเจ้า บริเวณโดยรอบศาลเจ้ารายล้อมไปด้วยป่าสนซีดาร์บรรยากาศเงียบสงบและเคร่งขรึม และมีต้นคายะยักษ์อายุกว่า 1,000 ปีกำลังแผ่ขยายกิ่งก้านสาขา ชวนให้นึกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของพื้นที่นี้เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับนามาฮาเกะ จึงมีการจัดงาน ""เทศกาลนามาฮาเกะเซโดะ"" ขึ้นภายในบริเวณศาลเจ้าในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีในบริเวณใกล้เคียงกันนี้ คุณสามารถเยี่ยมชม ""พิพิธภัณฑ์คติชนวิทยาโอกะมายามะ"" ที่มีการจำลองการแสดงนามาฮาเกะ และ ""พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ"" ที่ซึ่งรวบรวมหน้ากากนามาฮาเกะของแต่ละหมู่บ้านที่สืบทอดกันมาได้ในคราวเดียวกัน
พิพิธภัณฑ์ตำนานโอะกะชินซัง
การแสดงพิธีกรรมพื้นบ้าน “นะมะฮะเกะ” ที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ!
"นะมะฮะเกะ" เป็นพิธีกรรมพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาในแหลมโอะกะและบริเวณแถวนั้นทั้งหมด เทพสวมหน้ากากยักษ์จะโผล่มาตะโกนถามว่า “มีเด็กขี้แยหรือไม่” จึงมักจะถูกมองว่าเป็นวายร้ายชอบทำเด็กร้องไห้ แต่ความจริงแล้วเทพองค์นี้จะมาหาทุกวันสิ้นปีเพื่อตักเตือนไม่ให้คนเกียจคร้าน ช่วยให้สุขภาพแข็งแรงไร้โรคภัย ผลผลิตงอกงาม ป่าและทะเลอุดมสมบูรณ์
พิพิธภัณฑ์ตำนานโอะกะชินซังเป็นอาคารให้สัมผัสประสบการณ์ “นะมะฮะเกะ” อาคารเป็นบ้านหลังคามุงจาก เป็นบ้านแบบดั้งเดิมที่เรียกกันว่า “มาการิยะ (มาการิ แปลว่าโค้งงอ)” เพราะดั้งกับคอกม้าจะงอเป็นรูปตัว L และเชื่อมต่อกัน บ้านที่จะให้สัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตในสมัยก่อนนั้นมีบรรยากาศแบบที่ “นะมะฮะเกะ” น่าจะปรากฏตัว พอนั่งลงในห้องปูเสื่อที่มีเตาโบราณอิโระริและฟังบรรยายเกี่ยวกับวัฒนธรรมนะมะฮะเกะแล้ว ในที่สุดก็จะได้เวลาการแสดง “นะมะฮะเกะ” ที่รอคอย! การตะโกนเสียงดังว่า “มีเด็กดื้อหรือไม่” “มีเด็กขี้แยหรือไม่” และเดินวนไปมาระหว่างเหยียบลงบนเสื่ออย่างรุนแรงนั้นมีความน่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก กล่าวกันว่าฟางที่หล่นลงมาจากชุดนะมะฮะเกะจะช่วยขับไล่ปีศาจได้ ฉะนั้นลองนำกลับบ้านไปดูก็ดีเหมือนกัน (ห้ามฝืนดึงออกมา)
“พิพิธภัณฑ์ตำนานโอะกะชินซัง” ตั้งติดกับ “พิพิธภัณฑ์นะมะฮะเกะ” ที่ได้รวบรวมนะมะฮะเกะมาจัดแสดงไว้เป็นจำนวนมากและมีมุมให้คุณแปลงกายเป็นนะมะฮะเกะได้ เชิญคุณมาสนุกสนานอย่างอิ่มหนำสำราญใจไปกับวัฒนธรรมพื้นบ้าน “นะมะฮะเกะ” ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากยูเนสโก
พิพิธภัณฑ์ตำนานโอะกะชินซังเป็นอาคารให้สัมผัสประสบการณ์ “นะมะฮะเกะ” อาคารเป็นบ้านหลังคามุงจาก เป็นบ้านแบบดั้งเดิมที่เรียกกันว่า “มาการิยะ (มาการิ แปลว่าโค้งงอ)” เพราะดั้งกับคอกม้าจะงอเป็นรูปตัว L และเชื่อมต่อกัน บ้านที่จะให้สัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตในสมัยก่อนนั้นมีบรรยากาศแบบที่ “นะมะฮะเกะ” น่าจะปรากฏตัว พอนั่งลงในห้องปูเสื่อที่มีเตาโบราณอิโระริและฟังบรรยายเกี่ยวกับวัฒนธรรมนะมะฮะเกะแล้ว ในที่สุดก็จะได้เวลาการแสดง “นะมะฮะเกะ” ที่รอคอย! การตะโกนเสียงดังว่า “มีเด็กดื้อหรือไม่” “มีเด็กขี้แยหรือไม่” และเดินวนไปมาระหว่างเหยียบลงบนเสื่ออย่างรุนแรงนั้นมีความน่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก กล่าวกันว่าฟางที่หล่นลงมาจากชุดนะมะฮะเกะจะช่วยขับไล่ปีศาจได้ ฉะนั้นลองนำกลับบ้านไปดูก็ดีเหมือนกัน (ห้ามฝืนดึงออกมา)
“พิพิธภัณฑ์ตำนานโอะกะชินซัง” ตั้งติดกับ “พิพิธภัณฑ์นะมะฮะเกะ” ที่ได้รวบรวมนะมะฮะเกะมาจัดแสดงไว้เป็นจำนวนมากและมีมุมให้คุณแปลงกายเป็นนะมะฮะเกะได้ เชิญคุณมาสนุกสนานอย่างอิ่มหนำสำราญใจไปกับวัฒนธรรมพื้นบ้าน “นะมะฮะเกะ” ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากยูเนสโก
หอชมวิวหมุนได้ภูเขาคัมปูซัง
มาเพลิดเพลินกับวิวพาโนรามาจากยอดภูเขาไฟเขียวชอุ่มที่มีความไม่ธรรมดากัน
คัมปูซัง ภูเขาไฟแปลกตาที่ทั่วทั้งภูเขาถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าสีเขียว คุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพแบบพาโนรามา 360 องศาจาก ""หอชมวิวหมุนได้"" ที่ตั้งตระหง่านเป็นเงาซิลลูเอทอยู่บนยอดเขาคัมปูซังที่ระดับความสูงประมาณ 355 เมตร ทัศนียภาพที่ไม่มีอะไรมาบดบังนั้นช่างงดงามอย่างแท้จริง ทางทิศตะวันออกคุณสามารถมองเห็นทุ่งนากว้างไกลไปจนจรดทะเลสาบฮะชิโรงะตะ ทางทิศใต้คือภูเขาโชไค ทิศตะวันตกมองเห็นวิวประภาคารที่แหลมนิวโดซากิและทะเลญี่ปุ่น ทางทิศเหนือมองเห็นมรดกโลกชิราคามิซันจิ จุดชมวิวจะหมุนช้าๆ โดยใช้เวลาประมาณ 13 นาทีต่อรอบ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารที่นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่น เช่น อุด้งอินานิวะและโอยาโกะด้งไก่ฮิไนจิโดริ ให้คุณได้เพลิดเพลินไปการชมทัศนียภาพแบบพาโนรามาในขณะรับประทานอาหาร
รถยนต์ก็สามารถเดินทางขึ้นมายังจุดชมวิวได้ แต่เนื่องจากภูเขานั้นลาดเอียงไม่มากและเดินง่าย จึงขอแนะนำให้เดินขึ้นมา มีคอร์สการเดินป่าที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น คอร์สเดินจากจุดชมวิวเล็กๆ บริเวณบนไหล่ขึ้นไปยังยอดเขาเป็นวงรอบ ระยะทางประมาณ 6 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
รถยนต์ก็สามารถเดินทางขึ้นมายังจุดชมวิวได้ แต่เนื่องจากภูเขานั้นลาดเอียงไม่มากและเดินง่าย จึงขอแนะนำให้เดินขึ้นมา มีคอร์สการเดินป่าที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น คอร์สเดินจากจุดชมวิวเล็กๆ บริเวณบนไหล่ขึ้นไปยังยอดเขาเป็นวงรอบ ระยะทางประมาณ 6 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
โองะ ออนเซ็น
วันที่ 2
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอกะ GAO
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่คุณสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินได้
ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีการจัดแสดงสัตว์น้ำมากมายหลายชนิดของทะเลอะคิตะ คุณจะได้รู้จักโลกภายในทะเลญี่ปุ่นที่อยู่ข้างหน้าคุณที่ถึงแม้จะอยู่ใกล้ตัวเพียงนิดเดียวแต่ว่าเวลาปกติก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นมากนัก ทั้งหมีขั้วโลกอย่างน้องโกตะกับน้องยูคิ ปลา "ฮาตะฮาตะ" ปลาประจำจังหวัดอะคิตะ และยังมีการจัดแสดงสัตว์ชนิดต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่นราว 400 สายพันธุ์ ร่วม 1 หมื่นตัว โดยเฉพาะ "บ่อน้ำขนาดใหญ่ของโอกะ" ที่มีการจำลองบรรยากาศทะเลของโอกะในช่วงตั้งแต่ฤดูกาลใบไม้ผลิไปจนถึงใบไม้ร่วง เป็นผลงานที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง และยังสามารถเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวอื่นๆ ต่อได้อย่างง่ายดายด้วย เช่น อ่าวโทกะ แหลมนิวโดซากิ มงเซ็น สะพานหินไดซันเคียว ซากุระจิมะ เป็นต้น
แหลมนิวโดซากิ
จุดตะวันตกสุดของโอกะ ที่มีวิวจากบนเส้นขนานที่ 40 องศาเหนือ
เป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมวิวที่มีทิวทัศน์สวยงาม การตัดกันของธรรมชาติอย่างวิจิตรงดงามของผืนดินกว้างใหญ่สีเขียว ท้องทะเลสีน้ำเงิน และท้องฟ้าที่ดึงดูดใจของผู้ที่ได้พบเห็น หากคุณมาที่นี่ก็อย่าพลาดที่จะใช้เวลาอันเงียบสงบบนสนามหญ้าที่แผ่ตัวออกไปเป็นลานกว้างพร้อมๆ กับทอดสายตามองไปที่ทะเลซึ่งทอดตัวกว้างออกเป็นวิวพาโนรามา และอย่าลืมมองหาอนุสาวรีย์ของเส้นขนานที่ 40 องศาเหนือที่สลักมาจากหินแอนดีไซต์ที่ได้จากคาบสมุทรโอกะ ประภาคารนิวโดซากิ (คำว่า "ซากิ" ของประภาคารจะใช้อักษร "埼") ที่เป็นสัญลักษณ์ของแหลมนิวโดซากิ มีเอกลักษณ์อยู่ที่ลายทางสีขาวดำ และได้รับเลือกให้เป็น "1 ใน 50 ประภาคารของประเทศญี่ปุ่น" จากหน่วยยามฝั่งญี่ปุ่น ประภาคารของแหลมนิวโดซากิเป็นประภาคารเพียง 1 ใน 16 ประภาคารที่สามารถขึ้นไปข้างบนได้ จากทั้งสิ้น 3,000 กว่าประภาคารที่มีในประเทศญี่ปุ่น บริเวณรอบๆ นอกจากจะมีร้านอาหารที่สามารถลองไปลิ้มรสเมนูอิชิยากิซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของคาบสมุทรโอกะ และร้านขายของที่ระลึกตั้งเรียงรายกันแล้ว ยังมีเรือก้นใสที่สามารถชมสภาพของก้นทะเลจากหน้าต่างกระจกที่ด้านล่างของเรือได้
การเปิดประสบการณ์สัมผัสกับสุนัขพันธุ์อากิตะ
การเปิดประสบการณ์สัมผัสกับสุนัขพันธุ์อากิตะ
เปิดประสบการณ์สัมผัสกับสุนัขพันธุ์อากิตะในธรรมชาติอย่างอุ่นใจ ภายใต้การดูแลของผู้เพาะเลี้ยงสุนัขพันธุ์อากิตะที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบฝึก "มาซารุ" สุนัขของนักฟิกเกอร์สเก็ต Alina Zagitova ด้วย คุณจะได้สัมผัสกับลูกสุนัขที่น่ารักเหมือนตุ๊กตา หรือสุนัขโตเต็มวัยที่กล้าหาญ โดยการพาไปเดินเล่น หรือเล่นกับพวกมัน ที่นี่เท่านั้น ที่คุณจะได้เพลิดเพลินเปิดประสบการณ์สัมผัสกับสุนัขพันธุ์อากิตะที่ถูกเลี้ยงโดยไม่มีความเครียด ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ที่ไม่ใช่กรงขัง
โองะ ออนเซ็น
วันที่ 3
สวนสาธารณะเซ็นชู
ใบไม้เปลี่ยนสีที่แต่งแต้มสีสันให้กับซากปราสาทคูโบตะ
สวนสาธารณะเซ็นชุ ที่ตั้งของซากปราสาทมูลค่า 200,000 โกคุของตระกูลซาตาเกะแห่งแคว้นอาคิตะ ช่วงเวลาดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปีคือตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน จากห้องสังเกตการณ์ของป้อมโอซุมิยางุระ สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบด้านของเมืองอาคิตะ เพลิดเพลินกับการชมซุ้มประตูทางเข้าหน้าปราสาทคูโบตะ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ซาทาเกะ และจุดอื่นๆ ไปพร้อมกับการชมใบไม้เปลี่ยนสี
สถานีริมทางอะคิตะโค พอร์ททาวเวอร์ เซลีออน
ศูนย์รวมอาคารที่มีหอคอยและตึกชมวิวที่ท่าเรืออะคิตะ
หอคอยที่มีความสูงรวม 143 เมตร สามารถมองเห็นทะเลญี่ปุ่นและคาบสมุทรโอกะได้แบบพาโนรามา 360 องศาจากความสูงที่ระดับ 100 เมตร ที่บริเวณ "สถานีริมทางอะคิตะโค" จะมีการจัดงานกิจกรรมพิเศษต่างๆ ขึ้น
จุดหมายปลายทาง