2 คืน 3 วัน ณ มัตสึชิมะ [Base! โทโฮคุ]
การอาบน้ำที่มีทิวทัศน์ตระการตาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด โดยที่คุณสามารถแช่น้ำพุร้อนพร้อมชมมัตสึชิมะ หนึ่งในสามจุดชมวิวชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีเกาะน้อยใหญ่ 260 เกาะลอยอยู่บนท้องฟ้า!
ข้ามสะพานฟุกุอุระสีแดงสดและเพลิดเพลินไปกับสายลมที่ผ่อนคลายในขณะที่คุณจ้องมองไปยังเกาะที่สวยงามของอ่าวมัตสึชิมะ
เริ่มต้น
วันที่ 1
วัดซุอิกันจิ
วัดที่จะให้คุณได้สัมผัสความคลั่งไคล้และรสนิยมด้านความงามของมะซะมุเนะ
วัดซุอิกันจิเป็นวัดประจำตระกูลของผู้ครองแคว้นชื่อดังในยุคเซ็นโกคุนามว่าดะเตะ มะซะมุเนะ สร้างขึ้นในปี 828 แต่ดะเตะ มะซะมุเนะได้ปฏิสังขรณ์วัดที่ทรุดโทรมแห่งนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งหลังยุคเซ็นโกคุผ่านพ้นไป วัดนี้จะให้คุณสัมผัสได้ถึงรสนิยมด้านความงามของมะซะมุเนะในทุกซอกทุกมุม
“วิหารหลัก"" และ ""ห้องครัว"" ของที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินของญี่ปุ่น ห้ามพลาดชมภาพวาดอันสวยงามบนประตูเลื่อนในวิหารหลัก ในฤดูใบไม้ผลิ ""ต้นกะริวไบ"" ซึ่งอยู่ด้านหน้าวิหารหลักจะผลิดอกงดงาม ใน ""ห้องครัว"" ของวัดก็มีการแกะสลักลวดลายแบบอาหรับและแสดงให้เห็นถึงรสนิยมของมะซะมุเนะ
“ประตูโอนาริมง” “ประตูชูมง” และ “รั้วไทโกะเบ” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น วัดยังมีจุดน่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย เช่น “กลุ่มถ้ำและซากปรักหักพัง” และ “ถ้ำฮชชินคุสึ”
ใน “วิหารเซริวเด็น (อาคารเก็บสมบัติ)” จัดแสดงภาพวาดและอุปกรณ์ใช้ในพิธีชงชาของตระกูลมะซะมุเนะ รวมถึงประตูเลื่อนในวิหารหลักของจริงด้วย
ทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดแสวงบุญของ “เส้นทางแสวงบุญสี่วัด” ร่วมกับ “วัดจูซนจิ” กับ “วัดโมซือจิ” ในฮิระอิซุมิ จังหวัดอิวะเตะและ “วัดริชชะคุจิ” ในยะมะเดะระ จังหวัดยะมะกะตะด้วย
ตั้งติดกับ “วัดเอนซืออิน” แล้วยังใกล้กับร้านอาหารและร้านจำหน่ายสินค้าของฝากด้วย แนะนำให้ไปเยือน “วัดโกไดโด” ที่มะซะมุเนะสร้างขึ้นมาก่อนวัดซุอิกันจิไปพร้อมๆ กันด้วย
หลังเพลินตากับทัศนียภาพสวยงามไร้ที่เปรียบ ณ มัตสึชิมะอันเป็นหนึ่งในสามอันดับวิวของญี่ปุ่นแล้ว ก็ลองมาหวนนึกถึงสมัยนั้นที่วัดของมะซะมุเนะกันนะคะ
“วิหารหลัก"" และ ""ห้องครัว"" ของที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินของญี่ปุ่น ห้ามพลาดชมภาพวาดอันสวยงามบนประตูเลื่อนในวิหารหลัก ในฤดูใบไม้ผลิ ""ต้นกะริวไบ"" ซึ่งอยู่ด้านหน้าวิหารหลักจะผลิดอกงดงาม ใน ""ห้องครัว"" ของวัดก็มีการแกะสลักลวดลายแบบอาหรับและแสดงให้เห็นถึงรสนิยมของมะซะมุเนะ
“ประตูโอนาริมง” “ประตูชูมง” และ “รั้วไทโกะเบ” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น วัดยังมีจุดน่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย เช่น “กลุ่มถ้ำและซากปรักหักพัง” และ “ถ้ำฮชชินคุสึ”
ใน “วิหารเซริวเด็น (อาคารเก็บสมบัติ)” จัดแสดงภาพวาดและอุปกรณ์ใช้ในพิธีชงชาของตระกูลมะซะมุเนะ รวมถึงประตูเลื่อนในวิหารหลักของจริงด้วย
ทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดแสวงบุญของ “เส้นทางแสวงบุญสี่วัด” ร่วมกับ “วัดจูซนจิ” กับ “วัดโมซือจิ” ในฮิระอิซุมิ จังหวัดอิวะเตะและ “วัดริชชะคุจิ” ในยะมะเดะระ จังหวัดยะมะกะตะด้วย
ตั้งติดกับ “วัดเอนซืออิน” แล้วยังใกล้กับร้านอาหารและร้านจำหน่ายสินค้าของฝากด้วย แนะนำให้ไปเยือน “วัดโกไดโด” ที่มะซะมุเนะสร้างขึ้นมาก่อนวัดซุอิกันจิไปพร้อมๆ กันด้วย
หลังเพลินตากับทัศนียภาพสวยงามไร้ที่เปรียบ ณ มัตสึชิมะอันเป็นหนึ่งในสามอันดับวิวของญี่ปุ่นแล้ว ก็ลองมาหวนนึกถึงสมัยนั้นที่วัดของมะซะมุเนะกันนะคะ
คันรันเท
ชิมชาเขียวมัทฉะพลางชมวิวสวยๆ ของอ่าวมัตสึชิมะ
ห้องชงชาที่สร้างขึ้นมาบนเนินเตี้ยๆ ของชายฝั่งมัตสึชิมะเพื่อชื่นชมคลื่นซัดเบาๆ เล่ากันว่าดาเตะ มาซามูเนะได้รับอนุญาตให้ย้ายห้องชงชาของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิในปราสาทฟุชิมิโมโมยามะไปคฤหาสน์ในแคว้นเอโดะ แล้วทาดามูเนะ ผู้ครองแคว้นรุ่นที่ 2 ก็ย้ายมายังจุดที่มองเห็นวิวสวยงามของอ่าวมัตสึชิมะแห่งนี้โดยไม่เปลี่ยนต้นไม้หรือหินสักก้อน อาคารเป็นทางการและหรูหราแห่งนี้เคยใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักสำหรับบุคคลสำคัญ ทั้งยังมีการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นอีกด้วย
ในปัจจุบันยังมีจัดกิจกรรมชงชา ดังนั้นไม่ควรพลาดลองมาพักผ่อนระหว่างชมวิวสวยๆ ของอ่าวมัตสึชิมะในทำเลเดียวกันกับผู้ครองแคว้นรุ่นก่อนๆ ของแคว้นดาเตะกันให้ได้ ที่นี่เป็นบรรยากาศแบบผู้ใหญ่ที่จะให้คุณได้พักผ่อนสไตล์หรูหรา
ในปัจจุบันยังมีจัดกิจกรรมชงชา ดังนั้นไม่ควรพลาดลองมาพักผ่อนระหว่างชมวิวสวยๆ ของอ่าวมัตสึชิมะในทำเลเดียวกันกับผู้ครองแคว้นรุ่นก่อนๆ ของแคว้นดาเตะกันให้ได้ ที่นี่เป็นบรรยากาศแบบผู้ใหญ่ที่จะให้คุณได้พักผ่อนสไตล์หรูหรา
วัดโกไดโด
สะพานสีแดงกับวัดที่ตั้งอยู่บนเกาะเป็นสัญลักษณ์แห่งมัตสึชิมะ
สะพานสีแดงที่ทอดข้ามไปยังเกาะเล็กๆ ที่ถูกตัดขาดและวัดโกไดโดที่ตั้งตระหง่านเป็นทัศนียภาพสัญลักษณ์ของมัตสึชิมะ แถมยังเป็นจุดชมวิวสวยที่มองเห็นอ่าวมัตสึชิมะอีกด้วย
จุดเริ่มต้นคือการสร้างวัดบิชะมงโดในปี 807 โดยซาคาโนะอุเอะ โนะ ทามูระมาโระ ผู้เคยเป็นขุนนางและเจ้าหน้าที่ทางการทหาร จากนั้นก็ได้ชื่อนี้มาเพราะพระจิคาคุไดชิเอ็นนินอัญเชิญรูปปั้นวิทยาราชทั้งห้า (อจละ ไตรโลกยวิชยะ กุณฑลิ ยมานตกะ วัชรยักษ์) มาประดิษฐานในปี 828 รูปปั้นวิทยาราชทั้งห้าเป็นพระพุทธรูปลับและเปิดให้ชมทุกๆ 33 ปี
วัดในปัจจุบันเป็นวัดที่สร้างโดยเจ้าผู้ครองแคว้นยุคเซ็นโกคุชื่อดังอย่างดะเตะ มะซะมุเนะ มีการสลัก 12 นักษัตรที่ทั้ง 4 มุมใต้หลังคาและคาเอรุมาตะ (ไม้ค้ำ) คุณจะได้เห็นองค์ประกอบของวัฒนธรรมสมัยโมโมยามะซึ่งพัฒนาขึ้นมาในช่วงครึ่งหลังศตวรรษที่ 16 จนถึงต้นศตวรรษที่ 17 ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมสมัยโมโมยามะที่เก่าที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น
บริเวณพื้นของสะพาน “ซุคาชิบาชิ” มีช่องว่างให้มองเห็นทะเลที่อยู่เบื้องล่างได้ สร้างแบบนี้เพื่อให้ตั้งใจสักการะอย่างเต็มที่ ปัจจุบันมีการติดแผ่นไม้ลงไปในแนวตั้งเพื่อให้เดินง่ายแต่สมัยก่อนเคยเป็นรูปแบบบันได
ทั้งยังมีตำนานเล่าว่าตอนที่เอ็นนินเปิดวัดเอ็นปุคุ (คือวัดซุยกังในปัจจุบัน) และได้อัญเชิญวิทยาราชทั้งห้ามาประดิษฐานนั้น อยู่มาคืนหนึ่งท้าวเวสสุวรรณที่ซาคาโนะอุเอะ โนะ ทามูระมาโระเคยสักการะบูชาก็เรืองแสงและลอยไปยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่ไกลจากฝั่ง จึงเรียกเกาะนั้นว่าเกาะบิชะมง (ท้าวเวสสุวรรณ)
การชมเกาะต่างๆ ในอ่าวระหว่างนึกถึงตำนานแบบนี้พร้อมกับไปเที่ยววัดซุยกังด้วยก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกเช่นกัน
จุดเริ่มต้นคือการสร้างวัดบิชะมงโดในปี 807 โดยซาคาโนะอุเอะ โนะ ทามูระมาโระ ผู้เคยเป็นขุนนางและเจ้าหน้าที่ทางการทหาร จากนั้นก็ได้ชื่อนี้มาเพราะพระจิคาคุไดชิเอ็นนินอัญเชิญรูปปั้นวิทยาราชทั้งห้า (อจละ ไตรโลกยวิชยะ กุณฑลิ ยมานตกะ วัชรยักษ์) มาประดิษฐานในปี 828 รูปปั้นวิทยาราชทั้งห้าเป็นพระพุทธรูปลับและเปิดให้ชมทุกๆ 33 ปี
วัดในปัจจุบันเป็นวัดที่สร้างโดยเจ้าผู้ครองแคว้นยุคเซ็นโกคุชื่อดังอย่างดะเตะ มะซะมุเนะ มีการสลัก 12 นักษัตรที่ทั้ง 4 มุมใต้หลังคาและคาเอรุมาตะ (ไม้ค้ำ) คุณจะได้เห็นองค์ประกอบของวัฒนธรรมสมัยโมโมยามะซึ่งพัฒนาขึ้นมาในช่วงครึ่งหลังศตวรรษที่ 16 จนถึงต้นศตวรรษที่ 17 ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมสมัยโมโมยามะที่เก่าที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น
บริเวณพื้นของสะพาน “ซุคาชิบาชิ” มีช่องว่างให้มองเห็นทะเลที่อยู่เบื้องล่างได้ สร้างแบบนี้เพื่อให้ตั้งใจสักการะอย่างเต็มที่ ปัจจุบันมีการติดแผ่นไม้ลงไปในแนวตั้งเพื่อให้เดินง่ายแต่สมัยก่อนเคยเป็นรูปแบบบันได
ทั้งยังมีตำนานเล่าว่าตอนที่เอ็นนินเปิดวัดเอ็นปุคุ (คือวัดซุยกังในปัจจุบัน) และได้อัญเชิญวิทยาราชทั้งห้ามาประดิษฐานนั้น อยู่มาคืนหนึ่งท้าวเวสสุวรรณที่ซาคาโนะอุเอะ โนะ ทามูระมาโระเคยสักการะบูชาก็เรืองแสงและลอยไปยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่ไกลจากฝั่ง จึงเรียกเกาะนั้นว่าเกาะบิชะมง (ท้าวเวสสุวรรณ)
การชมเกาะต่างๆ ในอ่าวระหว่างนึกถึงตำนานแบบนี้พร้อมกับไปเที่ยววัดซุยกังด้วยก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกเช่นกัน
Matsushima Onsen
วันที่ 2
เกาะฟุคุอุระ
ข้ามสะพานแดง หลงรักทัศนียภาพของเกาะมัทสึชิมะแล้วเดินเล่นรอบเกาะ
เกาะฟุคุอุระเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานฟุคุอุระซึ่งมีความยาวทั้งหมด 252 เมตรและทาด้วยสีแดงสดใส (ชื่อเรียกอื่น : สะพานเดไอ) ในการข้ามผ่านสะพานนี้แม้จะเสียค่าผ่านทางผู้ใหญ่ 200 เยน เด็ก 100 เยน แต่ก็คุ้มค่าต่อการข้ามมา ! ในระหว่างที่รับลมเย็นสบายเมื่อข้ามมาจนสุดสะพานก็จะพบกับเกาะฟุคุอุระ บนเกาะมีต้นไม้มากถึง 250 ชนิด เช่น สนแดง สนสุกิ สนคริสต์มาส เป็นต้น เป็นอุทยานธรรมชาติที่มีทางเดินติดตั้งไว้ให้เพลิดเพลินกับการเดินเล่นได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีร้านน้ำชาตั้งอยู่อีกด้วย
ถ่ายภาพความงามของธรรมชาติโดยมีหมู่เกาะอันงดงามภายในอ่าวที่มองเห็นได้จากเกาะฟุคุอุระเป็นฉากหลัง ไม่ว่าถ่ายมุมไหนก็สวย นอกจากนี้ สีของทะเลก็จะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาที่ไปเยือน แต่ละช่วงเวลาเช่น ตอนเช้า ตอนเที่ยง และยามพระอาทิตย์ตกต่างก็มีเสน่ห์เป็นของตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีซากโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ เช่น สุสานหอย และ เทพเบนเทน หลงเหลืออยู่อีกด้วย
ถ่ายภาพความงามของธรรมชาติโดยมีหมู่เกาะอันงดงามภายในอ่าวที่มองเห็นได้จากเกาะฟุคุอุระเป็นฉากหลัง ไม่ว่าถ่ายมุมไหนก็สวย นอกจากนี้ สีของทะเลก็จะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาที่ไปเยือน แต่ละช่วงเวลาเช่น ตอนเช้า ตอนเที่ยง และยามพระอาทิตย์ตกต่างก็มีเสน่ห์เป็นของตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีซากโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ เช่น สุสานหอย และ เทพเบนเทน หลงเหลืออยู่อีกด้วย
อ่าวมัตสึชิมะ (สี่จุดชมวิว (ชิไดคัง) : โอทากาโมริ, โทมิยามะ, ทามนซัง, โอกิดานิ)
ถ้าจะชมวิวสวยของมัตสึชิมะล่ะก็ต้องมาที่นี่เลย!
มัตสึชิมะถือเป็นหนึ่งในสามวิวที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นร่วมกับ ""อะมะโนะฮะชิดะเตะ"" ที่เกียวโตและ ""มิยะจิมะ"" ที่ฮิโรชิมะ อ่าวมัตสึชิมะมีเกาะน้อยใหญ่อยู่ถึง 260 เกาะ จุดที่ขึ้นชื่อเรื่องการชมเกาะเหล่านั้นจะเรียกว่า ""สี่จุดชมวิว"" โดยแต่ละจุดตั้งชื่อเพื่อแสดงถึงความประทับใจของวิวเหล่านั้น
“วิวสง่างาม โอทากาโมริ” บนความสูง 105.8 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลที่จะมองเห็นอ่าวมัตสึชิมะจากฝั่งตะวันออก จากยอดเขาจะมองเห็นวิวแบบพาโนรามา 360 องศาและยังมองเห็นวิวหุบเขาสางะกับทิวเขาซะโออยู่ไกลๆ อีกด้วย เป็นจุดที่อ่าวมัตสึชิมะจะดูสวยงามเหมือนสวนจำลองขนาดเล็ก
“วิวสวยงาม โทมิยามะ” บนความสูง 116.8 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลซึ่งอยู่สูงที่สุดในบรรดาสี่จุดชมวิว “วัดไดเกียวจิ” บนยอดเขามี “เจ้าแม่กวนอิมแห่งโทมิยามะ” อยู่และคุณสามารถชมวิวมัตสึชิมะได้จากสวนอันมีเสน่ห์งดงามนี้
“วิวน่าประทับใจ ทามนซัง” บนความสูง 55.6 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ได้ชื่อนั้นมาจากวิวที่สวยงามตระการตา ทั้งยังมองเห็นท่าเรือชิโอะงามะและเรือที่สวนกันไปมาก็จะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามได้มากยิ่งขึ้นด้วย
“วิวน่าหลงใหล โอกิดานิ” บนความสูง 55.8 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลและเป็นจุดที่เลื่องชื่อเรื่องมีใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ด้วย สามารถชมวิวมัตสึชิมะได้แบบพาโนรามา และทางเข้าของอ่าวดูเหมือนพัด (โอกิ) ตามชื่อของสถานที่
หลังจากดื่มด่ำกับวิวสวยๆ ของมัตสึชิมะที่สี่จุดชมวิวแล้วก็ขอแนะนำให้นั่งเรือนำเที่ยวพาตระเวนไปตามเกาะต่างๆ ซึ่งการได้สัมผัสกับนกนางนวลก็จะกลายเป็นความทรงจำที่ดีในการเดินทางเช่นกัน
“วิวสง่างาม โอทากาโมริ” บนความสูง 105.8 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลที่จะมองเห็นอ่าวมัตสึชิมะจากฝั่งตะวันออก จากยอดเขาจะมองเห็นวิวแบบพาโนรามา 360 องศาและยังมองเห็นวิวหุบเขาสางะกับทิวเขาซะโออยู่ไกลๆ อีกด้วย เป็นจุดที่อ่าวมัตสึชิมะจะดูสวยงามเหมือนสวนจำลองขนาดเล็ก
“วิวสวยงาม โทมิยามะ” บนความสูง 116.8 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลซึ่งอยู่สูงที่สุดในบรรดาสี่จุดชมวิว “วัดไดเกียวจิ” บนยอดเขามี “เจ้าแม่กวนอิมแห่งโทมิยามะ” อยู่และคุณสามารถชมวิวมัตสึชิมะได้จากสวนอันมีเสน่ห์งดงามนี้
“วิวน่าประทับใจ ทามนซัง” บนความสูง 55.6 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ได้ชื่อนั้นมาจากวิวที่สวยงามตระการตา ทั้งยังมองเห็นท่าเรือชิโอะงามะและเรือที่สวนกันไปมาก็จะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามได้มากยิ่งขึ้นด้วย
“วิวน่าหลงใหล โอกิดานิ” บนความสูง 55.8 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลและเป็นจุดที่เลื่องชื่อเรื่องมีใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ด้วย สามารถชมวิวมัตสึชิมะได้แบบพาโนรามา และทางเข้าของอ่าวดูเหมือนพัด (โอกิ) ตามชื่อของสถานที่
หลังจากดื่มด่ำกับวิวสวยๆ ของมัตสึชิมะที่สี่จุดชมวิวแล้วก็ขอแนะนำให้นั่งเรือนำเที่ยวพาตระเวนไปตามเกาะต่างๆ ซึ่งการได้สัมผัสกับนกนางนวลก็จะกลายเป็นความทรงจำที่ดีในการเดินทางเช่นกัน
ตลาดปลามัตสึชิมะ
รวมอาหารทะเลสดใหม่มากมาย! ทั้งปลาทูน่าและหอยนางรม
ตลาดปลามัตสึชิมะตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่มีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมากันพลุกพล่านโดยใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีจากสถานีมัตสึชิมะไคกังของสายเซ็นเซกิ นอกจากภายในร้ายจะมีอาหารทะเลสดใหม่กว่า 1,500 ชนิดและหลากประเภทเรียงรายกันอยู่แล้ว ยังมีการจัดอีเวนต์ต่างๆ ขึ้นทุกเดือนอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นโชว์การชำแหละปลาทูน่าหรืออีเวนต์เลี้ยงต้อนรับด้วยอาหารทะเลจับใหม่ตามฤดูกาล
หากพูดถึงมัตสึชิมะก็จะนึกถึงหอยนางรม แต่ตลาดปลามัตสึชิมะดำเนินการโดยบริษัทเรือที่มีเรือประมงจับปลาทูน่า จึงมีการจำหน่ายปลาทูน่าที่สดใหม่เพราะแช่แข็งอย่างฉับพลันทันทีที่ยกขึ้นมาบนเรือ
ชั้น 1 มีมุมซูชิและมุมอาหารย่างที่ให้ทานอาหารทะเลย่างใหม่ร้อนๆ และชั้น 2 มีจุดทานอาหารกว่า 120 ที่นั่งให้ทานอาหารทะเลสดใหม่กันได้ นอกจากนี้ยังเรียงรายไปด้วยสินค้าหายากซึ่งหาซื้อที่อื่นไม่ค่อยได้นอกจากที่นี่อย่างกับแกล้มที่ทำจากของทะเล อาหารกระป๋อง สาหร่าย หรือซาซะคามาโบโกะ (ลูกชิ้นปลาทรงใบไผ่) เป็นต้น จึงเป็นร้านค้าที่แค่ได้มองดูก็ตื่นเต้นสนุกสนานแล้ว
ลานจอดรถตั้งรวมกับร้านหอยนางรมย่าง และมีบุฟเฟต์หอยนางรมร้อนๆ เนื้อนุ่มเด้งที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
หากพูดถึงมัตสึชิมะก็จะนึกถึงหอยนางรม แต่ตลาดปลามัตสึชิมะดำเนินการโดยบริษัทเรือที่มีเรือประมงจับปลาทูน่า จึงมีการจำหน่ายปลาทูน่าที่สดใหม่เพราะแช่แข็งอย่างฉับพลันทันทีที่ยกขึ้นมาบนเรือ
ชั้น 1 มีมุมซูชิและมุมอาหารย่างที่ให้ทานอาหารทะเลย่างใหม่ร้อนๆ และชั้น 2 มีจุดทานอาหารกว่า 120 ที่นั่งให้ทานอาหารทะเลสดใหม่กันได้ นอกจากนี้ยังเรียงรายไปด้วยสินค้าหายากซึ่งหาซื้อที่อื่นไม่ค่อยได้นอกจากที่นี่อย่างกับแกล้มที่ทำจากของทะเล อาหารกระป๋อง สาหร่าย หรือซาซะคามาโบโกะ (ลูกชิ้นปลาทรงใบไผ่) เป็นต้น จึงเป็นร้านค้าที่แค่ได้มองดูก็ตื่นเต้นสนุกสนานแล้ว
ลานจอดรถตั้งรวมกับร้านหอยนางรมย่าง และมีบุฟเฟต์หอยนางรมร้อนๆ เนื้อนุ่มเด้งที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
มัตสึชิมะออนเซ็น
วันที่ 3
มารีนเกท ชิโอกามะ
ประตูหน้าด่านสู่การท่องเที่ยวเกาะมัทสึชิมะ
"มารีนเกท ชิโอกามะ" เป็นชื่อเล่นของ "อาคารผู้โดยสารท่าเรือชิโอกามะ" ท่าเทียบเรือกลไฟเทศบาลเมืองชิโอกามะ ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างชิโอกามะกับหมู่เกาะอุราโตะที่อยู่ห่างไกลออกไป รวมถึงเป็นท่าเทียบเรือท่องเที่ยวอ่าวมัตสึชิมะ 1 ใน 3 จุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น จึงถือเป็นประตูหน้าด่านสู่การเที่ยวชมอ่าวมัตสึชิมะด้วย
สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Honshiogama ของรถไฟสาย JR Senseki จากสถานีเดินรับลมทะเลไปตามทางเดินลอยฟ้าไปยังมารีนเกท ชิโอกามะใช้เวลาเพียง 10 นาที ทางเดินลอยฟ้า "มารีน เดค ชิโอะกามะ" ยังเชื่อมต่อกับด้านหน้าของศูนย์การค้า อีออน ทาวน์ที่อยู่ติดกับสถานีอีกด้วย
บริเวณชั้น 1 ของอาคารเป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึก ชั้นที่ 2 เป็นร้านอาหาร และชั้นดาดฟ้าเป็นจุดชมวิว มีร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่ขายของขึ้นชื่อในท้องถิ่น เช่น ลูกชิ้นปลารูปใบไผ่ ซาสะคามาโบโกะที่เพิ่งย่างสุกใหม่ๆ และยังมีร้านอาหารที่ให้คุณได้ทานอาหารท้องถิ่นแสนอร่อยอย่างร้านซูชิ ร้านพาสต้าอิตาเลียน และร้านอาหารจีน ให้คุณได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าในระหว่างที่รอเรือท่องเที่ยวมาเทียบท่า
ในช่วงที่มีการจัดงาน "ชิโอกามะ มินาโตะ มัตสึริ" 1 ใน 3 เทศกาลเรือที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีผู้คนเดินทางมาเข้าร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก
สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Honshiogama ของรถไฟสาย JR Senseki จากสถานีเดินรับลมทะเลไปตามทางเดินลอยฟ้าไปยังมารีนเกท ชิโอกามะใช้เวลาเพียง 10 นาที ทางเดินลอยฟ้า "มารีน เดค ชิโอะกามะ" ยังเชื่อมต่อกับด้านหน้าของศูนย์การค้า อีออน ทาวน์ที่อยู่ติดกับสถานีอีกด้วย
บริเวณชั้น 1 ของอาคารเป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึก ชั้นที่ 2 เป็นร้านอาหาร และชั้นดาดฟ้าเป็นจุดชมวิว มีร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่ขายของขึ้นชื่อในท้องถิ่น เช่น ลูกชิ้นปลารูปใบไผ่ ซาสะคามาโบโกะที่เพิ่งย่างสุกใหม่ๆ และยังมีร้านอาหารที่ให้คุณได้ทานอาหารท้องถิ่นแสนอร่อยอย่างร้านซูชิ ร้านพาสต้าอิตาเลียน และร้านอาหารจีน ให้คุณได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าในระหว่างที่รอเรือท่องเที่ยวมาเทียบท่า
ในช่วงที่มีการจัดงาน "ชิโอกามะ มินาโตะ มัตสึริ" 1 ใน 3 เทศกาลเรือที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีผู้คนเดินทางมาเข้าร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก
ซากปราสาทเซนได
ปราสาทอันโด่งดังที่สร้างขึ้นบนภูเขาอาโอบะ
ปราสาทเซนได (ปราสาทอาโอบะ) เป็นที่ประทับของโคคุ 620,000 ตัวของดาเตะ ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นบนป้อมปราการธรรมชาติที่มีความสูงประมาณ 130 เมตร ล้อมรอบด้วยหน้าผาทางทิศตะวันออกและทิศใต้ ว่ากันว่าหอคอยปราสาทไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยเจตนาเพื่อหลีกเลี่ยงคำเตือนของโชกุน อิเอยาสุ โทกุกาวะ น่าเสียดายที่ปราสาทได้หายไปแล้ว และป้อมปืนด้านข้างที่สร้างขึ้นใหม่ก็เป็นสิ่งเตือนใจถึงยุคอดีต หากคุณยืนอยู่หน้ารูปปั้นขี่ม้าของเจ้าชายมาซามุเนะ คุณสามารถมองออกไปเห็นเมืองเซนไดจากมุมมองเดียวกับมาซามุเนะผู้หลงใหลในการพิชิตโลก
ที่หอนิทรรศการและวัสดุปราสาทอาโอบะ คุณสามารถชมปราสาทอาโอบะที่ได้รับการบูรณะใหม่โดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก นอกจากนี้ยังมีอนุสรณ์สถานทางวรรณกรรมของดอยบันซุย กวีที่มีความเกี่ยวข้องกับเซนไดอยู่บริเวณรอบๆ ในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2546 ได้รับการกำหนดให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติ
พื้นที่ทั้งหมดของซากปราสาทปัจจุบันคือสวนสาธารณะอาโอบายามะ และจากซากปราสาทคุณสามารถมองเห็นเมืองเซนไดและมหาสมุทรแปซิฟิกได้ ด้านหน้ารูปปั้นทองสัมฤทธิ์ดอยบันซุย การแสดง "โคโจ โนะ ซึกิ" อัตโนมัติจะเล่นทุกๆ 30 นาที ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 18.00 น. จากหอคอยปราสาท คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเซนได เมืองที่มีประชากรหนึ่งล้านคน
*โปรดตรวจสอบเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ฯลฯ เพื่อดูข้อมูลล่าสุด
ที่หอนิทรรศการและวัสดุปราสาทอาโอบะ คุณสามารถชมปราสาทอาโอบะที่ได้รับการบูรณะใหม่โดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก นอกจากนี้ยังมีอนุสรณ์สถานทางวรรณกรรมของดอยบันซุย กวีที่มีความเกี่ยวข้องกับเซนไดอยู่บริเวณรอบๆ ในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2546 ได้รับการกำหนดให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติ
พื้นที่ทั้งหมดของซากปราสาทปัจจุบันคือสวนสาธารณะอาโอบายามะ และจากซากปราสาทคุณสามารถมองเห็นเมืองเซนไดและมหาสมุทรแปซิฟิกได้ ด้านหน้ารูปปั้นทองสัมฤทธิ์ดอยบันซุย การแสดง "โคโจ โนะ ซึกิ" อัตโนมัติจะเล่นทุกๆ 30 นาที ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 18.00 น. จากหอคอยปราสาท คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเซนได เมืองที่มีประชากรหนึ่งล้านคน
*โปรดตรวจสอบเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ฯลฯ เพื่อดูข้อมูลล่าสุด
จุดหมายปลายทาง