พิพิธภัณฑ์ของเล่นฮานะมากิ ซึ่งเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2020 ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารมารุคัน สัญลักษณ์ของชุมชนที่ได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาได้อย่างปาฏิหาริย์ เพลิดเพลินกับของเล่นและการละเล่นที่ถูกส่งต่อกันมาหลายชั่วอายุคนผ่านที่พิพิธภัณฑ์ของเล่นฮานะมากิ ที่ซึ่งได้รับการสนับสนุนไม้และแรงจากคนในท้องถิ่นในการก่อสร้าง[ข้อควรระวัง]เปิดประมาณวันที่ 20 กรกฎาคม อาจมีการจำกัดจำนวนการเข้าพิพิธภัณฑ์ เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ไม้ส่วนใหญ่ที่ใช้ตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ และของเล่นภายในพิพิธภัณฑ์นั้นเป็นไม้ที่ปลูกในฮานะมากิ และจังหวัดอิวาเตะการแปรรูปไม้และการก่อสร้างวัสดุเหล่านี้ดำเนินการโดยร้านไม้โอโทโมะ และช่างฝีมือคนอื่น ๆ ในจังหวัดอิวาเตะ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองฮานะมากิสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยไม้และแรงจากคนในท้องถิ่น นอกจากจะเป็นสถานที่สำหรับ "พื้นที่การเรียนรู้เกี่ยวกับไม้" ที่เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเสน่ห์ของไม้ไปพร้อมกับความสนุกสนานแล้ว ยังเป็นตัวอย่างของการใช้ไม้ในท้องถิ่นและพื้นที่กิจกรรมแห่งใหม่สำหรับชาวเมืองอีกด้วย

ศูนย์การเรียนรู้ที่คุณจะได้ ""เรียนและสนุก"" กับโลกนิทานของมิยะซะวะ เค็นจิ เมื่อก้าวเข้ามาจากประตู ""สถานีทางช้างเผือก"" ก็จะพบกับโลกของมิยะซะวะ เค็นจิแผ่กว้างตรงหน้า
""โรงเรียนเค็นจิ"" แบ่งออกเป็น 5 โซนได้แก่ “ห้องโถงแห่งความมหัศจรรย์” ""อวกาศ"" ""ท้องฟ้า"" ""ผืนดิน"" และ ”น้ำ"" ใน ""ห้องผืนดิน"" จะมีแบบจำลองสามมิติของแมลง พืช และสัตว์ขนาดใหญ่ให้ชม และสามารถสัมผัสโลกจากสายตาเดียวกันกับมดได้
“ห้องเรียนเค็นจิ” มีบ้านไม้ซุงสลักสัญลักษณ์น่ารักๆ เรียงรายอยู่และจัดแสดงเกี่ยวกับ “พืช” “สัตว์” “ดวงดาว” “นก” และ “หิน” ทั้งยังมีร้านจำหน่ายสินค้าของฝากตั้งรวมอยู่ด้วย
แนะนำให้เดินเล่นในป่าบริเวณใกล้เคียงอย่าง “ฟุคุโรโนะโชเค (เส้นทางนกฮูก)” ด้วย หรือลองไปนั่งเก้าอี้ยาวที่ตั้งอยู่ตาม “โยเซโนะโชเค (เส้นทางภูติ)” รับรองว่าจะได้ฟังนิทานที่จู่ๆ ก็ดังมาจากไหนไม่รู้แน่นอน แล้วยังมี “สวนพืชป่าภูเขา” ซึ่งมีพืชป่าภูเขาที่ปรากฏอยู่ในนิทานของเค็นจิให้ได้ชมกันด้วย
ขอแนะนำช่วงเวลาเปิดไฟประดับด้วย เพราะคุณจะได้ชมโลกน่าพิศวงที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟอันอ่อนโยนนี้
ขอแนะนำให้กับครอบครัวที่พาลูกมาเพราะเด็กๆ สามารถวิ่งเล่นได้อย่างสนุกสนานในลานกว้างขนาดใหญ่!

มิยะซะวะ เค็นจิมีผลงานในหลายแขนง เช่น กวี นิทาน เกษตรกรรม และวิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะให้คุณเรียนรู้เกี่ยวกับผลงาน การวิจัย ตัวบุคคล และความคิดตลอดทั้งชีวิตของเขา บริเวณที่เกี่ยวข้องกับมิยะซะวะตั้งอยู่บนภูเขาโคชิโอ อำเภอฮะนะมะคิ
ภายในประกอบด้วย 5 โซน ได้แก่ วิทยาศาตร์ ศิลปะ อวกาศ ศาสนา และเกษตรกรรม โดยคุณจะได้เรียนรู้จากภาพฉายบนสกรีนและเอกสารที่เกี่ยวข้อง มีจัดแสดงของรักของหวงและงานต้นฉบับให้ได้เข้าใกล้ตัวตนจริงของมิยะซะวะ มีคำอธิบายขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงานและผลการวิจัย ฯลฯ เนื้อหาครบครันจนสนุกสนานกันได้แม้จะไม่ได้เป็นแฟนคลับก็ตาม
เลานจ์ชมวิวจะมองเห็นทิวทัศน์ภายในเมืองฮะนะมะคิ แถมด้านข้างร้านกาแฟยังมีมุมจำหน่ายสินค้าของฝากด้วย คุณจะซื้อสินค้าเกี่ยวกับมิยะซะวะ เค็นจิได้ที่นี่
“ลานโปรัน” มีสวนดอกไม้นันฉะและสวนดอกไม้นาฬิกาแดดซึ่งสร้างมาจากการออกแบบของมิยะซะวะ
ทั้งยังใกล้กับ “พิพิธภัณฑ์อิฮาทอฟมิยะซะวะ เค็นจิ” และ “หมู่บ้านนิทานมิยะซะวะ เค็นจิ” หากมาเยือนไปพร้อมๆ กันก็จะสามารถทำความเข้าใจโลกของมิยะซะวะได้มากขึ้นอีกขั้นแน่นอน
ขอแนะนำ “อนุสาวรีย์มิยะซะวะ” ที่ตั้งอยู่บนร่องรอยสมาคมราซุจิจินสำหรับผู้ที่ต้องการจะดื่มด่ำกับโลกของมิยะซะวะ เค็นจิให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น อนุสาวรีย์มีการแกะสลักส่วนครึ่งหลังของ “อาเมะนิโมะมาเคซุ” ซึ่งมาจากการประพันธ์ของทาคามูระ โคทาโรเอาไว้ด้วย

เมืองออนเซ็นฮะนะมะคิมีออนเซ็นทั้งหมด 12 แห่ง และเป็นออนเซ็นรีสอร์ตที่สามารถเพลิดเพลินกับออนเซ็นได้หลากหลายแบบ มีออนเซ็นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์อยู่มาก เช่น บ่อแช่น้ำกลางแจ้งที่มองเห็นวิวริมธารน้ำหรือที่พักบรรยากาศเงียบสงบ ทั้งยังมี ""ไดออนเซ็น"" แสนผ่อนคลายในบรรยากาศแบบเก่าๆ และ ”โอซะวะออนเซ็น"" ซึ่งให้อารมณ์แบบออนเซ็นแท้ๆ โดยเสน่ห์อยู่ตรงมีบ่อแช่น้ำกลางแจ้งและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เป็นต้น การลองเปรียบเทียบจุดเด่นของแต่ละที่ดูก็น่าสนุกไม่น้อยเลย
ฮะนะมะคิเป็นบ้านเกิดสุดรักของนักกวีและนักแต่งนิทานชื่อมิยะซะวะ เค็นจิ จึงมีสถานที่เกี่ยวข้องอยู่มากมาย สวนกุหลาบที่ตั้งอยู่ใน “ฮะนะมะคิออนเซ็น” นั้นมีดอกกุหลาบกว่า 450 สายพันธุ์บานสะพรั่งอยู่ในบริเวณกว้างขวางถึง 5,000 เฮกเตอร์ (50 ตารางกิโลเมตร) สีสันที่แตกต่างกันในแต่ละฤดูกาลจะช่วยทำให้คนที่มาเยือนรู้สึกสนุกสนาน ทั้งยังมีนาฬิกาแดดที่ออกแบบโดยมิยะซะวะ เค็นจิด้วย แม่น้ำไดกาวะที่ไหลผ่านฮะนะมะคิออนเซ็นมี “น้ำตกคามาบุจิโนะทาคิ” และถนนบริเวณรอบข้างก็เหมาะกับการเดินเล่น จึงไม่ควรลืมมาสนุกสนานกับเวลาไหลเอื่อยระหว่างฟังเสียงน้ำใสสะอาดได้ที่นี่
ละแวกรอบๆ มี “พิพิธภัณฑ์มิยะซะวะ เค็นจิ” และ “หมู่บ้านนิทานมิยะซะวะ เค็นจิ” เป็นต้น ทั้งยังมีอนุสรณ์สถานของนักกวีชื่อทาคามูระ โคทาโรผู้รักฮะนะมะคิไม่แพ้มิยะซะวะ เค็นจิ
เป็นบริเวณที่สามารถนั่งรถยนต์จากสถานที่ท่องเที่ยวอย่างวัดจูซนจิและเก็นบิเคอิไปได้ภายในเวลาประมาณ 1 ชม. จึงแนะนำให้มาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางด้วยน้ำพุร้อนหลังสนุกสนานกับการท่องเที่ยวเสร็จแล้ว

อุทยานประวัติศาสตร์เอซาชิ-ฟูจิวาระ ซึ่งมีสิ่งก่อสร้างแบบสมัยเฮอันขนาดน้อยใหญ่ราว 120 หลังตั้งเรียงรายกันบนพื้นที่กว้างใหญ่ประมาณ 20 เฮกตาร์ เช่น “เคียระโกะโฉะ” ซึ่งเป็นอาคารสถาปัตยกรรมชินเด็นซึคุริหรือสถาปัตกรรมอาคารที่อยู่อาศัยสำหรับขุนนางชั้นสูงในสมัยเฮอัน อาคาร “คฤหาสน์ทสึเนะคิโยะ" ซึ่งเป็นบ้านนักรบซามุไร ตำหนัก "คฤหาสน์คิโยฮิระ" "ตำหนักสำหรับออกว่าราชการ" เป็นต้น
เป็นการสร้างจำลองสิ่งก่อสร้างในยุคสมัยเฮอันให้เหมือนของจริงที่สุดโดยอ้างอิงตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ คุณจึงรู้สึกราวกับว่าได้เดินทางย้อนเวลากลับไปและกลายเป็นขุนนางในยุคเฮอัน
ที่นี่เป็นสวนสนุกในธีมสมัยเฮอันแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมักถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์และละคร จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "มิจิโนะคุ ฮอลลีวูด”
คุณสามารถเพลิดเพลินกับหลากหลายกิจกรรม เช่น การสวมชุดย้อนยุค ชุดเกราะ ธนูและลูกศร เกมส์จับคู่เปลือกหอย เป็นต้น
อีกวิธีหนึ่งในการร่วมสนุกคือการถ่ายภาพสุดทึ่งที่ “ทริค อาร์ท เฮอันโนะยะคาตะ” ที่กำลังได้รับความนิยม หรือจะเดินเล่นในสวนสาธารณะด้วยแอปพลิเคชันเกมส์แบบ AR “โยไค สะงาชิ” 
ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจะมีการจัดกิจกรรมพิเศษช่วงกลางคืนโดยการจัดประดับไฟแสงสีและการฉายภาพเคลื่อนไหวสามมิติ
ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมจะเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการชมซุ้มดอกวิสทีเรียที่จะบานเต็มที่ และงานกิจกรรมชมหิ่งห้อยลูซิโอลา ครูเซียตาและหิ่งห้อยลูซิโอลา ลาเทเรียลที่จะจัดขึ้นตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม
คุณสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไปของทั้งสี่ฤดูกาล

"มรดกทางวัฒนธรรมฮิระอิซุมิ" ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี 2011 วัดจูซนจิเป็นที่รู้จักเพราะ "วิหารคนจิคิโด" ซึ่งเปล่งประกายสีทองอย่างสวยงามอลังการ แต่ก็ยังมีจุดน่าชมอื่นๆ อีกมากมาย! ไม่ว่าจะเป็น "วิหารเบงเคโด" "วิหารยะคุชิโด" "วิหารหลักฮงโด" เป็นต้น
วัดจูซนจิสร้างขึ้นเมื่อปี 850 โดยพระที่มีสมณศักดิ์สูงนามจิคะคุไดชิเอ็นนิน จนกระทั่งต้นศตวรรษที่ 12 คิโยะฮิระ ผู้ครองแคว้นโอชูรุ่นแรกของตระกูลฟุจิวะระก็ได้สร้างวัดขนาดใหญ่ขึ้น เพื่ออธิษฐานให้สังคมสงบสุขดั่งในอุดมคติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเนื่องจากคิโยะฮิระเสียครอบครัวไปในสงคราม ฮิระอิซุมิเคยเป็นแหล่งผลิตทองที่รุ่งเรืองยาวนานเกือบ 100 ปีตั้งแต่โมะโตะฮิระรุ่นที่สองและฮิเดะฮิระรุ่นที่สาม จนยะซุฮิระรุ่นที่สี่โดนตระกูลมินาโมโตะทำลายล้างวิหารคนจิคิโดเป็นสถาปัตยกรรมทรัพย์สินของญี่ปุ่นหมายเลข 1 และได้รวมเทคนิคศิลปหัตถกรรมในสมัยนั้นเอาไว้ เช่น งานประดับตกแต่งด้วยมุก งานฉลุลาย วาดลงลวดลายทองหรือเงินบนเครื่องเขิน “ซังโคโซ” เป็นที่เก็บทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างพระพุทธรูป รวมถึงเป็นคลังสมบัติเก็บศิลปะเกี่ยวกับพระพุทธรูปที่เลื่องชื่อของญี่ปุ่นฝั่งตะวันออก ทั้งยังถ่ายทอดประวัติศาสตร์พร้อมกับความรุ่งโรจน์ของตระกูลฟุจิวะระผู้ครองแคว้นโอชูให้แก่ผู้คนในยุคปัจจุบันอีกด้วย
ซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้เขียวชอุ่มในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และหิมะในฤดูหนาว ทิวทัศน์ในแต่ละฤดูกาลที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมกับธรรมชาติก็มีเสน่ห์น่าหลงใหลเช่นกัน
การใช้บริการรถบัสนำเที่ยวหรือจักรยานเช่าจะสะดวกในการตระเวนเที่ยวฮิระอิซุมิ รถบัสนำเที่ยว “รุนรุน” จะเริ่มต้นที่สถานี JR ฮิระอิซุมิ โดยหนึ่งรอบจะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการวนตามสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ เช่น วัดจูซนจิและวัดโมซือจิ ส่วนจักรยานเช่า “รินริน” มีบริการให้เช่าอยู่ภายในระยะเดินจากสถานี JR ฮิระอิซุมิ โปรดสอบถามกับศูนย์แนะนำข้อมูลท่องเที่ยวของสถานี

วัดโมซือจิได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเช่นเดียวกับวัดจูซนจิ ยังคงหลงเหลือสวนโบราณงดงามและซากศาสนสถานอยู่ วัดนี้เป็นวัดเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่รัฐเลือกให้เป็นทั้ง “ร่องรอยประวัติศาสตร์พิเศษ"" และ “จุดวิวสวยพิเศษ""
นักบวชคะคุไดชิเอ็นนินเป็นผู้ริเริ่มและก่อสร้างโดยโมะโตะฮิระ ฟุจิวะระผู้ครองแคว้นโอชูรุ่นที่สองและฮิเดะฮิระรุ่นที่สาม
สวนสไตล์โจโดะจำลองมาจากโลกแห่งพุทธและมีความงามจนคุณถึงกับต้องกลั้นหายใจ คุณจะได้เห็นน้ำพุใหญ่อยู่ใจกลางสระน้ำ หาดทราย หินที่น้ำกัดเซาะ และสะพานหินแคบๆ แถมยังทำหน้าที่ถ่ายทอดเทคนิคการจัดสวนญี่ปุ่นให้แก่ปัจจุบันด้วย
สวนที่ทำให้รู้สึกว่าเวลาไหลช้าจะช่วยให้คุณลืมเลือนความวุ่นวายในแต่ละวันได้ แนะนำให้นั่งสมาธิหรือคัดลอกพระสูตรหากต้องการสัมผัสกับโลกแห่งพุทธให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลองมาเผชิญหน้ากับตัวเองในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์กันดูดีไหม
สวนวัดโมซือจิจะมีดอกไม้สีสันสวยๆ ทุกฤดูกาลมาสะกดใจผู้คน เทศกาลต้นไอริสในช่วงต้นฤดูร้อนและเทศกาลดอกฮางิในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงจะมีผู้คนมาเยือนกันอย่างล้นหลาม
เดินง่ายเพราะเป็นพื้นที่ราบและออกแบบให้ปราศจากสิ่งกีดขวาง เช่น ติดตั้งลิฟท์และห้องน้ำอเนกประสงค์ ผู้สูงอายุและคนที่พาเด็กมาจึงวางใจได้

เมืองออนเซ็นฮะนะมะคิมีออนเซ็นทั้งหมด 12 แห่ง และเป็นออนเซ็นรีสอร์ตที่สามารถเพลิดเพลินกับออนเซ็นได้หลากหลายแบบ มีออนเซ็นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์อยู่มาก เช่น บ่อแช่น้ำกลางแจ้งที่มองเห็นวิวริมธารน้ำหรือที่พักบรรยากาศเงียบสงบ ทั้งยังมี ""ไดออนเซ็น"" แสนผ่อนคลายในบรรยากาศแบบเก่าๆ และ ”โอซะวะออนเซ็น"" ซึ่งให้อารมณ์แบบออนเซ็นแท้ๆ โดยเสน่ห์อยู่ตรงมีบ่อแช่น้ำกลางแจ้งและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เป็นต้น การลองเปรียบเทียบจุดเด่นของแต่ละที่ดูก็น่าสนุกไม่น้อยเลย
ฮะนะมะคิเป็นบ้านเกิดสุดรักของนักกวีและนักแต่งนิทานชื่อมิยะซะวะ เค็นจิ จึงมีสถานที่เกี่ยวข้องอยู่มากมาย สวนกุหลาบที่ตั้งอยู่ใน “ฮะนะมะคิออนเซ็น” นั้นมีดอกกุหลาบกว่า 450 สายพันธุ์บานสะพรั่งอยู่ในบริเวณกว้างขวางถึง 5,000 เฮกเตอร์ (50 ตารางกิโลเมตร) สีสันที่แตกต่างกันในแต่ละฤดูกาลจะช่วยทำให้คนที่มาเยือนรู้สึกสนุกสนาน ทั้งยังมีนาฬิกาแดดที่ออกแบบโดยมิยะซะวะ เค็นจิด้วย แม่น้ำไดกาวะที่ไหลผ่านฮะนะมะคิออนเซ็นมี “น้ำตกคามาบุจิโนะทาคิ” และถนนบริเวณรอบข้างก็เหมาะกับการเดินเล่น จึงไม่ควรลืมมาสนุกสนานกับเวลาไหลเอื่อยระหว่างฟังเสียงน้ำใสสะอาดได้ที่นี่
ละแวกรอบๆ มี “พิพิธภัณฑ์มิยะซะวะ เค็นจิ” และ “หมู่บ้านนิทานมิยะซะวะ เค็นจิ” เป็นต้น ทั้งยังมีอนุสรณ์สถานของนักกวีชื่อทาคามูระ โคทาโรผู้รักฮะนะมะคิไม่แพ้มิยะซะวะ เค็นจิ
เป็นบริเวณที่สามารถนั่งรถยนต์จากสถานที่ท่องเที่ยวอย่างวัดจูซนจิและเก็นบิเคอิไปได้ภายในเวลาประมาณ 1 ชม. จึงแนะนำให้มาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางด้วยน้ำพุร้อนหลังสนุกสนานกับการท่องเที่ยวเสร็จแล้ว

หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองโทโนะ จังหวัดอิวะเตะ ก็คงหนีไม่พ้น “สระคัปปะบุจิ” ซึ่งว่ากันว่าที่ “สระคัปปะบุจิ” นี้มีกัปปะจำนวนมากอาศัยอยู่ ที่จะคอยแกล้งและทำให้เหล่ามนุษย์ตกใจ มีเรื่องเล่าอีกมากมายเกี่ยวกับกัปปะ อย่างไรก็ตามกล่าวกันว่ากัปปะที่เมืองโทโนะจะมีใบหน้าสีแดง มีปากที่ใหญ่ผิดปกติ และมีเสียงร้องเหมือนนก“สระคัปปะบุจิ” มีน้ำใสไหลเอื่อยและปกคลุมไปด้วยพุ่มไม้หนาทึบ ให้บรรยากาศราวกับว่ากัปปะสามารถที่จะปรากฏตัวขึ้นได้ทุกเมื่อเราจึงอยากจะเชิญชวนคุณมาทำกิจกรรมซื้อ "ใบอนุญาตจับกัปปะ" ที่แหล่งท่องเที่ยว "เด็นโชเอ็น" ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง แล้วมาสัมผัสประสบการณ์ตกพรายน้ำกัปปะในตำนานด้วยแตงกวาเป็นเหยื่อล่อ
สินค้ายอดนิยมของเมืองโทโนะ “ใบอนุญาตจับกัปปะ”◆ ◇ ◆ หากคุณจับกัปปะได้และใจดีพามาที่สมาคมการท่องเที่ยวเมืองโทโนะ ... คุณจะได้รับเงินรางวัล 10 ล้านเยน! !! !! ◆ ◇ ◆สนุกสนานกับกิจกรรมตกกัปปะโดยทำตามเงื่อนไข 7 ข้อในการจับกัปปะ (ระบุไว้ด้านหลังใบอนุญาต) มีใบอนุญาตแบบแนบรูปถ่ายใบหน้าของคุณด้วย (จำเป็นต้องอัพเดตทุกปี)มีนักท่องเที่ยวหลากหลายคนที่ซื้อไปแล้ว รวมถึงคนดังหลายคนก็มีด้วยซึ่งจริงๆ แล้วจะจำหน่ายเฉพาะผู้ที่เดินทางมาที่โทโนะเท่านั้น แต่เนื่องจากได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจึงเปิดจำหน่ายออนไลน์ด้วย (จำกัดการซื้อเพียง 10 ใบต่อ 1 ท่าน)โดยด้านหลังจะมี “เงื่อนไข 7 ข้อในการจับ” ซึ่งเป็นข้อควรระวังเมื่อคุณทำกิจกรรมตกกัปปะ