2 คืน 3 วัน ในพื้นที่สึการุ [Base! โทโฮคุ]
ทริปโลดโผนที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับหลากหลายวิธี ตั้งแต่ภูเขาชิราคามิที่เป็นมรดกโลกไปจนถึงฮิโรซากิที่มีสถาปัตยกรรมย้อนยุคอันงดงาม
โปรดเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของพื้นที่สึการุอันกว้างใหญ่
เริ่มต้น
วันที่ 1
สวนสาธารณะฮิโรซากิ (ซากปราสาทฮิโรซากิ)
เพลิดเพลินไปกับหอคอยและปราสาทฮิโรซากิที่ยังเหลืออยู่ และความงดงามตลอดทั้งสี่ฤดูกาล
ปราสาทฮิโรซากิซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1611 เปิดให้เป็น "สวนสาธารณะฮิโรซากิ" ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1895 นับแต่นั้นเป็นต้นมาประชาชนและนักท่องเที่ยวมากมายก็ได้รับความเพลิดเพลินจากสวนแห่งนี้
หอคอยปราสาท ประตูปราสาท 5 แห่ง และป้อมปราการ 3 แห่งที่หลงเหลือมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ
ภายในสวนฮิโรซากิมีต้นซากุระปลูกอยู่ 52 สายพันธุ์ ประมาณ 2,600 ต้น และเป็น "1 ใน 3 จุดชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น" นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์อย่างอื่นอีกมากมาย เช่น โซเมโยชิโนะ ต้นซากุระที่มีอายุยืนยาวที่สุดในสวนฮิโรซากิ ซึ่งมีอายุมากกว่า 140 ปี, การประดับไฟที่ต้นซากุระในช่วงกลางคืน, และ "แพซากุระ" กลีบดอกซากุระที่ร่วงหล่นเป็นแพอยู่เต็มคูเมือง เป็นต้นตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีการจัดงาน "เทศกาลดอกซากุระฮิโรซากิ" ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากจากภายในและนอกจังหวัด
ปัจจุบัน หอคอยปราสาทฮิโรซากิถูกเคลื่อนย้ายไปด้านในของป้อมปราการชั้นในเพื่อทำการซ่อมแซมกำแพงหิน ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพภูเขาอิวากิ หรือที่รู้จักในชื่อฟูจิแห่งสึงารุ ร่วมกับดอกซากุระและหอคอยปราสาทได้เฉพาะในช่วงเวลานี้เท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบของต้นเมเปิลประมาณ 1,000 ต้น และต้นซากุระ 2,600 ต้นจะเปลี่ยนเป็นสีสดใส, "เทศกาลดอกเบญจมาศและใบไม้เปลี่ยนสีฮิโรซากิ" ที่มีการประดับตกแต่งสถานที่จัดงานด้วยดอกเบญจมาศและฟลาวเวอร์อาร์ท, ในฤดูหนาวจะมีการจัด "เทศกาลโคมไฟหิมะในปราสาทฮิโรซากิ" สร้างโลกอันน่าอัศจรรย์ด้วยโคมไฟหิมะและประติมากรรมหิมะราว 150 ชิ้น ที่ชาวเมืองร่วมกันขึ้นมา และกระท่อมหิมะคามาคุระขนาดจิ๋วประดับไฟ 300 หลัง เป็นต้น สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามได้ในทุกฤดูกาล
หอคอยปราสาท ประตูปราสาท 5 แห่ง และป้อมปราการ 3 แห่งที่หลงเหลือมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ
ภายในสวนฮิโรซากิมีต้นซากุระปลูกอยู่ 52 สายพันธุ์ ประมาณ 2,600 ต้น และเป็น "1 ใน 3 จุดชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น" นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์อย่างอื่นอีกมากมาย เช่น โซเมโยชิโนะ ต้นซากุระที่มีอายุยืนยาวที่สุดในสวนฮิโรซากิ ซึ่งมีอายุมากกว่า 140 ปี, การประดับไฟที่ต้นซากุระในช่วงกลางคืน, และ "แพซากุระ" กลีบดอกซากุระที่ร่วงหล่นเป็นแพอยู่เต็มคูเมือง เป็นต้นตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีการจัดงาน "เทศกาลดอกซากุระฮิโรซากิ" ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากจากภายในและนอกจังหวัด
ปัจจุบัน หอคอยปราสาทฮิโรซากิถูกเคลื่อนย้ายไปด้านในของป้อมปราการชั้นในเพื่อทำการซ่อมแซมกำแพงหิน ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพภูเขาอิวากิ หรือที่รู้จักในชื่อฟูจิแห่งสึงารุ ร่วมกับดอกซากุระและหอคอยปราสาทได้เฉพาะในช่วงเวลานี้เท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบของต้นเมเปิลประมาณ 1,000 ต้น และต้นซากุระ 2,600 ต้นจะเปลี่ยนเป็นสีสดใส, "เทศกาลดอกเบญจมาศและใบไม้เปลี่ยนสีฮิโรซากิ" ที่มีการประดับตกแต่งสถานที่จัดงานด้วยดอกเบญจมาศและฟลาวเวอร์อาร์ท, ในฤดูหนาวจะมีการจัด "เทศกาลโคมไฟหิมะในปราสาทฮิโรซากิ" สร้างโลกอันน่าอัศจรรย์ด้วยโคมไฟหิมะและประติมากรรมหิมะราว 150 ชิ้น ที่ชาวเมืองร่วมกันขึ้นมา และกระท่อมหิมะคามาคุระขนาดจิ๋วประดับไฟ 300 หลัง เป็นต้น สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามได้ในทุกฤดูกาล
สวนแอปเปิล เมืองฮิโรซากิ
สวนแอปเปิลมีเนื้อที่ประมาณ 9.7 เฮกตาร์ มีต้นแอปเปิลมากถึง 80 สายพันธุ์ รวม 2,300 ต้น นี่คือสถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสกับประสบการณ์การเก็บแอปเปิล และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับแอปเปิลรสเลิศ อันเป็นความพิเศษที่มีเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกที่มีชื่อเสียงเท่านั้น
สามารถสัมผัสประสบการณ์เก็บแอปเปิลในสวนได้ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม-ถึงกลางเดือนพฤศจิกายน รสชาติแอปเปิลที่เก็บสดๆ จากต้นนั้นช่างยอดเยี่ยม! ช่วงเวลาที่เก็บได้ขึ้นอยู่กับสภาพการเจริญเติบโตของแอปเปิล จึงควรตรวจสอบล่วงหน้า สามารถเดินเล่นไปตามเส้นทางเดินในสวนและเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาอิวากิที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสวนแอปเปิลได้อีกด้วย
ที่ร้าน "ริงโกะ โนะ อิเอะ" มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับแอปเปิลราว 1,200 รายการ รวมถึงงานฝีมือท้องถิ่นดั้งเดิมที่ทำเป็นลวดลายแอปเปิล และขนมรสแอปเปิล เป็นต้น ที่มุมของว่าง สามารถลิ้มรสแกงกะหรี่แอปเปิล แอปเปิลซันเดย์ ไซเดอร์ และอาหารอื่นๆ ที่ทำจากแอปเปิล และการฟังเรื่องราวการผลิตไซเดอร์ที่ "ฮิโรซากิ ไซเดอร์ โคโบ kimori" ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่อยากแนะนำ
นอกจากนี้ยังมีลานกว้างพร้อมเครื่องเล่นสำหรับเด็ก พื้นที่ไว้นั่งปิกนิก และอื่นๆ จึงกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับพาครอบครัวมาพักผ่อน
ภายในสวนยังมี "บ้านเก่าโคยามาอุจิ" บ้านเก่าของชาวสวนที่ได้รับการย้ายและนำมาสร้างขึ้นใหม่ ภายในมีการจัดแสดงอุปกรณ์ทำสวนในสมัยก่อน และในวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤศจิกายน จะมี การจัดกิจกรรม "สึงารุ มุกาชิ โนะ โมโนกาตาริ" การเล่านิทานพื้นบ้านที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณด้วยภาษาถิ่น
สามารถสัมผัสประสบการณ์เก็บแอปเปิลในสวนได้ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม-ถึงกลางเดือนพฤศจิกายน รสชาติแอปเปิลที่เก็บสดๆ จากต้นนั้นช่างยอดเยี่ยม! ช่วงเวลาที่เก็บได้ขึ้นอยู่กับสภาพการเจริญเติบโตของแอปเปิล จึงควรตรวจสอบล่วงหน้า สามารถเดินเล่นไปตามเส้นทางเดินในสวนและเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาอิวากิที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสวนแอปเปิลได้อีกด้วย
ที่ร้าน "ริงโกะ โนะ อิเอะ" มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับแอปเปิลราว 1,200 รายการ รวมถึงงานฝีมือท้องถิ่นดั้งเดิมที่ทำเป็นลวดลายแอปเปิล และขนมรสแอปเปิล เป็นต้น ที่มุมของว่าง สามารถลิ้มรสแกงกะหรี่แอปเปิล แอปเปิลซันเดย์ ไซเดอร์ และอาหารอื่นๆ ที่ทำจากแอปเปิล และการฟังเรื่องราวการผลิตไซเดอร์ที่ "ฮิโรซากิ ไซเดอร์ โคโบ kimori" ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่อยากแนะนำ
นอกจากนี้ยังมีลานกว้างพร้อมเครื่องเล่นสำหรับเด็ก พื้นที่ไว้นั่งปิกนิก และอื่นๆ จึงกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับพาครอบครัวมาพักผ่อน
ภายในสวนยังมี "บ้านเก่าโคยามาอุจิ" บ้านเก่าของชาวสวนที่ได้รับการย้ายและนำมาสร้างขึ้นใหม่ ภายในมีการจัดแสดงอุปกรณ์ทำสวนในสมัยก่อน และในวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤศจิกายน จะมี การจัดกิจกรรม "สึงารุ มุกาชิ โนะ โมโนกาตาริ" การเล่านิทานพื้นบ้านที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณด้วยภาษาถิ่น
ภูเขานากาโนะโมมิจิ
ป่านากาโนะโมมิจิเป็นป่าที่ผู้ครองแคว้นฮิโรซากิย้ายต้นเมเปิ้ล (คาเอเดะและโมมิจิ) ที่สั่งซื้อจ่ายเกียวโตมาปลูกไว้ที่นี่ ในเวลากลางวันจะให้บรรยากาศที่ใบไม้แดงกับลำธารสอดประสานกันราวกับเป็นโลกแห่งบทกวี ในเวลากลางคืนจะมีการเปิดไฟให้แสงสีสร้างบรรยากาศราวกับโลกแห่งความฝัน
บ่อน้ำพุร้อนโออิราเสะเคริว
วันที่ 2
ชิราคามิซันจิ
มรดกโลกที่ควรไปเยือนสักครั้ง วิวป่าบีชดงดิบและสระน้ำสีน้ำเงินแก่ที่สวยงามไร้ที่เปรียบ
เทือกเขาชิระคะมิซังจิได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก (สาขาธรรมชาติ) และเป็นเขตภูเขาซึ่งครอบคลุมพื้นที่จังหวัดอะโอะโมะริถึงอะคิตะ มีป่าบีชดงดิบขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่ 17,000 เฮกตาร์ (170 ตารางกิโลเมตร) จากศูนย์กลางป่าดงดิบพื้นที่ 130,000 เฮกตาร์ (1,300 ตารางกิโลเมตร) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ แม้การเดินเล่นภายในเขตมรดกโลกจะยากลำบาก แต่บริเวณรอบข้างมีทางเดินเล่นต่างๆ เตรียมไว้ให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ดูสง่างามของเทือกเขาชิระคะมิซังจิ
หนึ่งในนั้นคือ “เส้นทางเดินเล่นทะเลสาบจูนิ” ที่เป็นเส้นทางยอดนิยมให้ดื่มด่ำกับธรรมชาติสวยๆ เช่น “สระน้ำอะโอะอิเคะ” ที่มีสีน้ำเงินแก่ ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีวนรอบโดยเริ่มต้นจาก “ศูนย์สินค้าแห่งป่า เคียวโรโระ” ไป “สระน้ำเคโตบะโนะอิเคะ” “สระน้ำอะโอะอิเคะ” “ป่าบีชธรรมชาติ” “สระน้ำวาคิสึโบะโนะอิเคะ” และ “สระน้ำโอจิคุจิโนะอิเคะ” ผิวน้ำใสสีน้ำเงินของสระน้ำอะโอะอิเคะที่เป็นไฮไลต์ของเส้นทางนี้มีความงามจนทำให้คุณรู้สึกเหมือนจะโดนดูดเข้าไป กล่าวกันว่าวิธีการชมการแตกต่างไปตามฤดูกาล และช่วงน่าชมจะเป็นเดือนเมษายน - สิงหาคมที่มุมของแสงแดดค่อนข้างสูง
พักผ่อนที่ “ศูนย์สินค้าแห่งป่า เคียวโรโระ” หลังเดินเล่นเสร็จ สามารถเพลิดเพลินกับอาหารว่างและซื้อของฝากได้ ขอแนะนำน้ำผลไม้หรือซุปข้นที่ทำจาก “แครอทฟุคาอุระยุคิ” ซึ่งมีเฉพาะในเทือกเขาชิระคะมิซัง
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางที่จะเพลิดเพลินได้แม้แต่มือใหม่อยู่มากมาย เช่น เส้นทางไปกลับ 20 นาทีจากสันเขาสึกะรุซึ่งจะได้เห็น “มาเธอร์ทรี” อายุ 400 ปี และเส้นทางเดิน 15 นาทีจากลานจอดรถที่จะได้เห็นวิวสวยๆ ของ “น้ำตกคุโรคุมะโนะทาคิ” ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “ร้อยอันดับน้ำตกของญี่ปุ่น”
หนึ่งในนั้นคือ “เส้นทางเดินเล่นทะเลสาบจูนิ” ที่เป็นเส้นทางยอดนิยมให้ดื่มด่ำกับธรรมชาติสวยๆ เช่น “สระน้ำอะโอะอิเคะ” ที่มีสีน้ำเงินแก่ ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีวนรอบโดยเริ่มต้นจาก “ศูนย์สินค้าแห่งป่า เคียวโรโระ” ไป “สระน้ำเคโตบะโนะอิเคะ” “สระน้ำอะโอะอิเคะ” “ป่าบีชธรรมชาติ” “สระน้ำวาคิสึโบะโนะอิเคะ” และ “สระน้ำโอจิคุจิโนะอิเคะ” ผิวน้ำใสสีน้ำเงินของสระน้ำอะโอะอิเคะที่เป็นไฮไลต์ของเส้นทางนี้มีความงามจนทำให้คุณรู้สึกเหมือนจะโดนดูดเข้าไป กล่าวกันว่าวิธีการชมการแตกต่างไปตามฤดูกาล และช่วงน่าชมจะเป็นเดือนเมษายน - สิงหาคมที่มุมของแสงแดดค่อนข้างสูง
พักผ่อนที่ “ศูนย์สินค้าแห่งป่า เคียวโรโระ” หลังเดินเล่นเสร็จ สามารถเพลิดเพลินกับอาหารว่างและซื้อของฝากได้ ขอแนะนำน้ำผลไม้หรือซุปข้นที่ทำจาก “แครอทฟุคาอุระยุคิ” ซึ่งมีเฉพาะในเทือกเขาชิระคะมิซัง
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางที่จะเพลิดเพลินได้แม้แต่มือใหม่อยู่มากมาย เช่น เส้นทางไปกลับ 20 นาทีจากสันเขาสึกะรุซึ่งจะได้เห็น “มาเธอร์ทรี” อายุ 400 ปี และเส้นทางเดิน 15 นาทีจากลานจอดรถที่จะได้เห็นวิวสวยๆ ของ “น้ำตกคุโรคุมะโนะทาคิ” ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “ร้อยอันดับน้ำตกของญี่ปุ่น”
อะโออิเคะ (สระสีฟ้า)
สีน้ำเงินน่าพิศวงที่เหมือนกับจะดูดคุณเข้าไปซึ่งมองเห็นได้จากมรดกโลกอย่างเทือกเขาชิระคะมิซัง
สระน้ำอะโอะอิเคะอยู่ในมรดกโลกอย่างเทือกเขาชิระคะมิซังและมีชื่อเสียงจากน้ำสีน้ำเงินเข้มสดใสที่ส่องประกาย และละแวกใกล้เคียงยังมีป่าบีชดงดิบขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่ 17,000 เฮกตาร์ (170 ตารางกิโลเมตร) จากศูนย์กลางป่าดงดิบพื้นที่ 130,000 เฮกตาร์ (1,300 ตารางกิโลเมตร) ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ แม้การเดินเล่นภายในเขตมรดกโลกจะยากลำบาก แต่บริเวณรอบข้างมีทางเดินเล่นต่างๆ เตรียมไว้ให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติผืนใหญ่ดูสง่างามของเทือกเขาชิระคะมิซังแห่งนี้
“เส้นทางเดินเล่นทะเลสาบจูนิ” ไปสระน้ำอะโอะอิเคะก็เป็นหนึ่งในนั้น ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีวนรอบโดยเริ่มต้นจาก “ศูนย์สินค้าแห่งป่า เคียวโรโระ” ไป “สระน้ำเคโตบะโนะอิเคะ” “สระน้ำอะโอะอิเคะ” “ป่าบีชธรรมชาติ” “สระน้ำวาคิสึโบะโนะอิเคะ” และ “สระน้ำโอจิคุจิโนะอิเคะ” ผิวน้ำใสสีน้ำเงินของสระน้ำอะโอะอิเคะที่เป็นไฮไลต์ของเส้นทางนี้มีความงามจนทำให้คุณรู้สึกเหมือนจะโดนดูดเข้าไป กล่าวกันว่าวิธีการชมจะแตกต่างไปตามฤดูกาล และช่วงน่าชมจะเป็นเดือนเมษายน - สิงหาคมที่มุมของแสงแดดค่อนข้างสูง
น้ำใสจนมองเห็นต้นไม้ที่ล้มอยู่ก้นสระน้ำแต่ก็กลับมีสีน้ำเงินชัดเจนราวกับน้ำหมึกหก ทำไมถึงกลายเป็นสีแปลกประหลาดแบบนี้ได้กัน แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีหลักการอธิบายชัดเจน จึงอยากขอเชิญคุณมาพิสูจน์สีน้ำเงินแสนพิศวงที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ด้วยตาของคุณเองให้ได้
“เส้นทางเดินเล่นทะเลสาบจูนิ” ไปสระน้ำอะโอะอิเคะก็เป็นหนึ่งในนั้น ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีวนรอบโดยเริ่มต้นจาก “ศูนย์สินค้าแห่งป่า เคียวโรโระ” ไป “สระน้ำเคโตบะโนะอิเคะ” “สระน้ำอะโอะอิเคะ” “ป่าบีชธรรมชาติ” “สระน้ำวาคิสึโบะโนะอิเคะ” และ “สระน้ำโอจิคุจิโนะอิเคะ” ผิวน้ำใสสีน้ำเงินของสระน้ำอะโอะอิเคะที่เป็นไฮไลต์ของเส้นทางนี้มีความงามจนทำให้คุณรู้สึกเหมือนจะโดนดูดเข้าไป กล่าวกันว่าวิธีการชมจะแตกต่างไปตามฤดูกาล และช่วงน่าชมจะเป็นเดือนเมษายน - สิงหาคมที่มุมของแสงแดดค่อนข้างสูง
น้ำใสจนมองเห็นต้นไม้ที่ล้มอยู่ก้นสระน้ำแต่ก็กลับมีสีน้ำเงินชัดเจนราวกับน้ำหมึกหก ทำไมถึงกลายเป็นสีแปลกประหลาดแบบนี้ได้กัน แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีหลักการอธิบายชัดเจน จึงอยากขอเชิญคุณมาพิสูจน์สีน้ำเงินแสนพิศวงที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ด้วยตาของคุณเองให้ได้
โคะกะเนะซะกิ ฟุโระฟุชิออนเซ็น
เปิดโล่งขั้นสุด! บ่อแช่น้ำกลางแจ้งรูปน้ำเต้าที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับทะเล
การลงแช่บ่อออนเซ็นกลางแจ้งซึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลนั้นจะให้ความเปิดโล่งแบบสัมผัสไม่ได้จากที่อื่น! เวลาที่อยากแนะนำที่สุดคือช่วงพระอาทิตย์ตก ท้องฟ้ากว้างใหญ่ตรงหน้าจะค่อยๆ ถูกย้อมเป็นสีแดงและดวงอาทิตย์สีแดงฉานก็จะจมลงไปในเส้นขอบฟ้าช้าๆ การได้แช่น้ำพลางชมวิวงดงามเช่นนี้ถือเป็นช่วงเวลาอันหรูหราเป็นอย่างยิ่ง ออนเซ็นเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าได้ถึงบ่าย 4 โมงซึ่งพระอาทิตย์ยังอยู่สูง ดังนั้นหากต้องการสัมผัสความหรูหราแบบนี้จะต้องค้างคืนเท่านั้น อาหารค่ำที่อัดแน่นไปด้วยอาหารทะเลซึ่งจับมาจากทะเลใกล้ๆ นั้นก็เป็นอีกหนึ่งของความเพลิดเพลินเช่นกัน
นอกจากบ่อแช่น้ำกลางแจ้งรูปน้ำเต้าแบบรวมชายหญิงแล้ว ยังมีบ่อแช่น้ำกลางแจ้งรูปวงกลมสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะอีกด้วย เมื่อรวมบ่อแช่น้ำในร่มแยกชายหญิงด้วยแล้วจะมีบ่อแช่น้ำทั้งหมด 4 แห่ง และแน่นอนว่าทุกแห่งเป็นระบบมีน้ำพุร้อนธรรมชาติ 100% ไหลลงมาเติมตลอด
ชื่อของ “ฟุโระฟุชิออนเซ็น” ตั้งมาจากคำกล่าวว่า “หากมาดูแลสุขภาพที่นี่แล้วจะไม่แก่ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย” น้ำพุร้อนเป็นสีน้ำตาลแดงเข้มถึงขนาดมองไม่เห็นก้นบ่อเพราะในน้ำพุร้อนมีธาตุเหล็กอยู่นั่นเอง น้ำพุร้อนสีน้ำตาลแดงที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและเกลือจะเย็นยากและช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้ถึงภายใน
นอกจากบ่อแช่น้ำกลางแจ้งรูปน้ำเต้าแบบรวมชายหญิงแล้ว ยังมีบ่อแช่น้ำกลางแจ้งรูปวงกลมสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะอีกด้วย เมื่อรวมบ่อแช่น้ำในร่มแยกชายหญิงด้วยแล้วจะมีบ่อแช่น้ำทั้งหมด 4 แห่ง และแน่นอนว่าทุกแห่งเป็นระบบมีน้ำพุร้อนธรรมชาติ 100% ไหลลงมาเติมตลอด
ชื่อของ “ฟุโระฟุชิออนเซ็น” ตั้งมาจากคำกล่าวว่า “หากมาดูแลสุขภาพที่นี่แล้วจะไม่แก่ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย” น้ำพุร้อนเป็นสีน้ำตาลแดงเข้มถึงขนาดมองไม่เห็นก้นบ่อเพราะในน้ำพุร้อนมีธาตุเหล็กอยู่นั่นเอง น้ำพุร้อนสีน้ำตาลแดงที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและเกลือจะเย็นยากและช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้ถึงภายใน
วันที่ 3
ชายฝั่งเซ็นโจจิกิ
""ชายฝั่งเซ็นโจจิกิ"" มีเพิงผาหินทอดตัวต่อเนื่องกันเป็นพื้นที่ขนาดกว้างใหญ่ที่ว่ากันว่านานมาแล้วมีท่านชายได้ปูเสื่อทาทามิหลายผืนซ้อนกันจนนับไม่ถ้วนแล้วจัดงานเลี้ยง ภาพรูปร่างหินแปลกตาที่ถูกตั้งเป็นชื่อต่างๆ เช่น หินเอบิสึ หินคาบุโตะ เรียงตัวต่อเนื่องกันเป็นสายไปตามชายฝั่งเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง เป็นฉากที่ทำให้รู้สึกมหัศจรรย์ใจราวกับได้ไปลงจอดอยู่บนดาวดวงอื่น ในยามพลบค่ำก็จะเกิดเป็นภาพเงาของหินที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยมีพระอาทิตย์ตกดินเป็นฉากหลัง และยังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกดิน รวมทั้งยังได้รับเลือกให้เป็น ""หนึ่งในร้อยพระอาทิตย์ตกดินที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น""ในฤดูร้อนก็จะเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการมาเดินเล่นชายหาดและและเล่นน้ำทะเล ใกล้ๆ กันมีร้านขายปลาหมึกย่าง ภาพของปลาหมึกจำนวนมากที่ถูกตากเอาไว้ราวกับผ้าม่านก็เป็นวิวที่มีความเฉพาะตัวเช่นกันชายฝั่งเซ็นโจจิกิอยู่ใกล้กับสถานีเซ็นโจจิกิของรถไฟด่วน ""รีสอร์ทชิราคามิ"" สายโกะโนแค่เพียงข้ามถนนก็ถึงทันที ซึ่งที่นี่เป็นสถานีที่ไม่มีคนอยู่ ไม่มีทั้งตัวอาคารของสถานีหรือกำแพง มีรถไฟบางขบวนที่จะหยุดรถให้ประมาณ 15 นาทีเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่น ควรตรวจสอบตารางเวลาเดินรถให้ดี เสียงหวูดรถไฟที่ดังเป็นสัญญาณไม่กี่นาทีก่อนออกรถอาจจะชวนให้รู้สึกเหงาระหว่างเดินทางได้
(จังหวัดอะโอโมริ เมืองสึรุตะ) สะพานสึรุโนะไม
สะพานไม้โค้งสามช่วงที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น
สะพานสึรุโนะไม เป็นสะพานไม้ทรงโค้งสามช่วงที่ยาวที่สุดในประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1994 เหนือทะเลสาบสึการุ ฟูจิมิ ซึ่งสะท้อนเงาอันงดงามสูงตระหง่านของภูเขาอิวากิลงบนพื้นผิวของทะเลสาบได้อย่างสวยงามสะพานทรงโค้ง 3 ช่วงเรียงต่อกัน ความยาวรวมทั้งหมด 300 เมตร โครงสร้างให้ความรู้สึกอบอุ่น อีกทั้งยังเป็นสื่อสัญลักษณ์แทนเมืองสึรุตะ และถิ่นอาศัยของนกกระเรียนกับการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นที่รักของผู้คนมากมาย
ว่ากันว่าลักษณะของสะพานสึรุโนะไมที่มีฉากหลังเป็นภูเขาอิวากินั้น ดูคล้ายกับนกกระเรียนที่บินอยู่บนท้องฟ้า และกล่าวกันว่าการข้ามสะพานจะช่วยให้มีอายุยืนยาวขึ้นภาพเงาของสะพานที่สะท้อนลงบนผิวทะเลสาบในยามรุ่งสาง และสะพานสึรุโนะไมกับวิวทะเลสาบที่ถูกย้อมสีสันในช่วงพระอาทิตย์ตกดินนั้นงดงามมาก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนในทุกฤดูกาล และได้กลายเป็นสถานที่ที่ดึงดูดผู้คนมากมายที่รักในการถ่ายภาพ
ในช่วงฤดูหนาว จะมีการกำจัดหิมะออกจากสะพานและเส้นทางเดินเล่นต่าง ๆ จึงทำให้สามารถเดินผ่าน และเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ได้*อาจมีการปิดการจราจรในกรณีที่สภาพอากาศเลวร้าย เช่น มีพายุหิมะจนไม่ทัศนวิสัยไม่ดี เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน โคมไฟบนสะพานจะเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ และคุณสามารถเพลิดเพลินกับแสงอ่อน ๆ ที่คล้ายกับแสงหิ่งห้อยบนสะพานทรงโค้ง ได้จนถึงเวลา 21:00 น.มีบริการฟรี Wi-Fiบริเวณโดยรอบสะพาน https://www.medetai-tsuruta.jp/15039.html
[สถานที่ใกล้เคียง]เมื่อข้ามสะพานสึรุโนะไมไปจะพบกับสวนฟูจิมิโกะ และอุทยานทางธรรมชาตินกกระเรียนมงกุฎแดง เมืองคุชิโระสวนฟูจิมิโกะ มีลานนั่งปิกนิก สนามเด็กเล่น และโซนสำหรับบาร์บีคิว (ต้องลงทะเบียนจองล่วงหน้า) จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับครอบครัว※เนื่องจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 โซนบาร์บีคิว R2 ยังไม่เปิดให้จองและใช้บริการในขณะนี้
ที่อุทยานทางธรรมชาตินกกระเรียนมงกุฎแดง เมืองคุชิโระ คุณสามารถชมนกกระเรียนมงกุฎแดงตัวจริง ๆ ได้ที่นี่ อุทยานเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 - 16:00 น.ในเดือนเมษายน 2020 ได้มีการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ชื่อว่า ""Koko ni mo Aruja"" ซึ่งอยู่ใกล้กับลานจอดรถของสะพานสึรุโนะไมนอกจากนี้ ถัดไปไม่ไกลยังมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ "สึรุโนะซาโตะ ฟุรุซาโตะคัง" ซึ่งเป็นการนำบ้านเก่ามาดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 9:00 น. - 16:00 น. ยกเว้นเดือนพฤศจิกายน - มีนาคม*เกี่ยวกับข้อมูลการเปิดให้บริการแต่ละจุดใน R2 ติดต่อสอบถามได้ที่ ฝ่ายวางแผนและการท่องเที่ยว ที่ว่าการเมืองสึรุตะ
[แผนที่]https://www.medetai-tsuruta.jp/spot/sightseeing/fujimilakepark.html
[อื่น ๆ ]ติดกับสะพานมีที่พักที่มีบ่อน้ำพุร้อนในตัวชื่อว่า "Welfare Center Tsugaru Fujimiso" สามารถใช้บริการบ่อออนเซ็นและร้านอาหารได้แม้ไม่ได้เข้าพัก http://www.fujimisou.jp/page02/p02.htm
ช่วงเดือนเมษายน - พฤศจิกายน มีบริการ "ไกด์นำเที่ยว สะพานสึรุโนะไม"ดำเนินงานโดยกลุ่มองค์กร "Danburi MikoPa no Kai" เกี่ยวกับช่วงเวลา ค่าธรรมเนียม จุดนัดพบกับไกด์ และอื่น ๆ โปรดติดต่อตามข้อมูลด้านล่างนี้<ไกด์นำเที่ยวสะพานสึรุโนะไม ―Danburi MikoPa no Kai―>ประธาน: Takenami Masaaki โทร: 090-7660-7386
[การเดินทาง]สำหรับการเดินทางจากสถานี JR Mutsu Tsuruta สถานีที่ใกล้ที่สุด ขอแนะนำให้ใช้บริการรถแท็กซี่ที่จอดอยู่บริเวณหน้าสถานีการเดินทาง 4 ช่วง สถานี JR Mutsu Tsuruta ไปยังสะพาน Tsurunomai (ไปกลับ), สะพาน Tsurunomai ไปยัง Michi-no-Eki และ Michi-no-Eki ไปยังสถานี JR Mutsu Tsuruta สำหรับช่วงเวลาที่จัดโปรโมชั่นของ Adult Holiday Club Pass ราคาจะลดลงเหลือ ""ครึ่งราคา"" รายละเอียดเพิ่มเติมจะประกาศบนเว็บไซต์การท่องเที่ยวของเมือง "MEDETAI TSURUTA" เมื่อเปิดให้บริการhttps://www.medetai-tsuruta.jp/
ว่ากันว่าลักษณะของสะพานสึรุโนะไมที่มีฉากหลังเป็นภูเขาอิวากินั้น ดูคล้ายกับนกกระเรียนที่บินอยู่บนท้องฟ้า และกล่าวกันว่าการข้ามสะพานจะช่วยให้มีอายุยืนยาวขึ้นภาพเงาของสะพานที่สะท้อนลงบนผิวทะเลสาบในยามรุ่งสาง และสะพานสึรุโนะไมกับวิวทะเลสาบที่ถูกย้อมสีสันในช่วงพระอาทิตย์ตกดินนั้นงดงามมาก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนในทุกฤดูกาล และได้กลายเป็นสถานที่ที่ดึงดูดผู้คนมากมายที่รักในการถ่ายภาพ
ในช่วงฤดูหนาว จะมีการกำจัดหิมะออกจากสะพานและเส้นทางเดินเล่นต่าง ๆ จึงทำให้สามารถเดินผ่าน และเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ได้*อาจมีการปิดการจราจรในกรณีที่สภาพอากาศเลวร้าย เช่น มีพายุหิมะจนไม่ทัศนวิสัยไม่ดี เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน โคมไฟบนสะพานจะเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ และคุณสามารถเพลิดเพลินกับแสงอ่อน ๆ ที่คล้ายกับแสงหิ่งห้อยบนสะพานทรงโค้ง ได้จนถึงเวลา 21:00 น.มีบริการฟรี Wi-Fiบริเวณโดยรอบสะพาน https://www.medetai-tsuruta.jp/15039.html
[สถานที่ใกล้เคียง]เมื่อข้ามสะพานสึรุโนะไมไปจะพบกับสวนฟูจิมิโกะ และอุทยานทางธรรมชาตินกกระเรียนมงกุฎแดง เมืองคุชิโระสวนฟูจิมิโกะ มีลานนั่งปิกนิก สนามเด็กเล่น และโซนสำหรับบาร์บีคิว (ต้องลงทะเบียนจองล่วงหน้า) จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับครอบครัว※เนื่องจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 โซนบาร์บีคิว R2 ยังไม่เปิดให้จองและใช้บริการในขณะนี้
ที่อุทยานทางธรรมชาตินกกระเรียนมงกุฎแดง เมืองคุชิโระ คุณสามารถชมนกกระเรียนมงกุฎแดงตัวจริง ๆ ได้ที่นี่ อุทยานเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 - 16:00 น.ในเดือนเมษายน 2020 ได้มีการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ชื่อว่า ""Koko ni mo Aruja"" ซึ่งอยู่ใกล้กับลานจอดรถของสะพานสึรุโนะไมนอกจากนี้ ถัดไปไม่ไกลยังมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ "สึรุโนะซาโตะ ฟุรุซาโตะคัง" ซึ่งเป็นการนำบ้านเก่ามาดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 9:00 น. - 16:00 น. ยกเว้นเดือนพฤศจิกายน - มีนาคม*เกี่ยวกับข้อมูลการเปิดให้บริการแต่ละจุดใน R2 ติดต่อสอบถามได้ที่ ฝ่ายวางแผนและการท่องเที่ยว ที่ว่าการเมืองสึรุตะ
[แผนที่]https://www.medetai-tsuruta.jp/spot/sightseeing/fujimilakepark.html
[อื่น ๆ ]ติดกับสะพานมีที่พักที่มีบ่อน้ำพุร้อนในตัวชื่อว่า "Welfare Center Tsugaru Fujimiso" สามารถใช้บริการบ่อออนเซ็นและร้านอาหารได้แม้ไม่ได้เข้าพัก http://www.fujimisou.jp/page02/p02.htm
ช่วงเดือนเมษายน - พฤศจิกายน มีบริการ "ไกด์นำเที่ยว สะพานสึรุโนะไม"ดำเนินงานโดยกลุ่มองค์กร "Danburi MikoPa no Kai" เกี่ยวกับช่วงเวลา ค่าธรรมเนียม จุดนัดพบกับไกด์ และอื่น ๆ โปรดติดต่อตามข้อมูลด้านล่างนี้<ไกด์นำเที่ยวสะพานสึรุโนะไม ―Danburi MikoPa no Kai―>ประธาน: Takenami Masaaki โทร: 090-7660-7386
[การเดินทาง]สำหรับการเดินทางจากสถานี JR Mutsu Tsuruta สถานีที่ใกล้ที่สุด ขอแนะนำให้ใช้บริการรถแท็กซี่ที่จอดอยู่บริเวณหน้าสถานีการเดินทาง 4 ช่วง สถานี JR Mutsu Tsuruta ไปยังสะพาน Tsurunomai (ไปกลับ), สะพาน Tsurunomai ไปยัง Michi-no-Eki และ Michi-no-Eki ไปยังสถานี JR Mutsu Tsuruta สำหรับช่วงเวลาที่จัดโปรโมชั่นของ Adult Holiday Club Pass ราคาจะลดลงเหลือ ""ครึ่งราคา"" รายละเอียดเพิ่มเติมจะประกาศบนเว็บไซต์การท่องเที่ยวของเมือง "MEDETAI TSURUTA" เมื่อเปิดให้บริการhttps://www.medetai-tsuruta.jp/
จุดหมายปลายทาง