2 คืน 3 วันในอาซามุชิออนเซ็น [Base! โทโฮคุ]
แผนมาตรฐานคือการเพลิดเพลินไปกับการเที่ยวชมเมืองอาโอโมริโดยใช้อาซามุชิออนเซ็นเป็นฐานของคุณ
คุณยังสามารถสำรวจฮิโรซากิซึ่งมีความสวยงามด้วยดอกซากุระ ใบไม้เปลี่ยนสี และสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตก
เริ่มต้น
วันที่ 1
ทัวร์พายเรือคายัคที่อาซามุชิออนเซ็น
นี่คือกิจกรรมทางน้ำที่คุณสามารถเดินเล่นในทะเลอันเงียบสงบของอาซามุชิด้วยเรือซีคายัคแบบ sit-on พร้อมกับไกด์เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพที่ไม่ค่อยได้พบเห็น เช่น บริเวณรอบเกาะของอาซามุชิออนเซ็นเวลาที่ใช้: 2 ชั่วโมงราคา: Single Kayak 1 ท่าน 5,500 เยน Tandem Kayak 2 ท่าน 7,700 เยน(รวมค่าเช่าอุปกรณ์ + เสื้อชูชีพ, ค่าประกันภัย)กลุ่มเป้าหมาย: นร.มัธยมปลายขึ้นไป, อนุญาตให้นร.ประถมขึ้นไปเล่นได้เฉพาะเรือ Tandem ที่ต้องมีคนขึ้นไปด้วยเท่านั้นเครื่องแต่งกาย: เสื้อผ้าที่สามารถเปียกได้, รองเท้าแตะที่สวมใส่แน่นหนาหรือรองเท้าสำหรับกีฬาทางน้ำเฉพาะปี 2020 นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวญี่ปุ่นจะได้รับคูปองสำหรับใช้อาบน้ำที่ ""Hadaka no Yu"" อ่างอาบน้ำชมวิวยูซะ อาซามุชิ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอะซะมุชิ
ห้ามพลาดชมโชว์โลมา! การแสดงอันเต็มไปด้วยความเป็นท้องถิ่น
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอะซะมุชิแห่งเมืองอะโอะโมะริมีขนาดใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู มีการเลี้ยงและจัดแสดงสัตว์กว่า 1 หมื่นตัวจากราวๆ 300 สายพันธุ์ ทำเลดีอยู่ในระยะเดินจากสถานีอะซะมุชิออนเซ็น จึงได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้เข้าพักโรงแรมพร้อมออนเซ็น เช่น กลุ่มครอบครัว
ตื่นตาอลังการไปกับอุโมงค์ใต้ทะเลความยาว 15 เมตร และมีการจัดแสดง “ทะเลอ่าวมุตสึ” เพื่อทำให้รู้สึกเหมือนเดินอยู่กลางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ของอะโอะโมะริ มีความไม่เหมือนใครตรงจะมีสภาพการเพาะเลี้ยงหอยเชลล์และเพรียงหัวหอมให้ได้ชมกัน การหาสิ่งมีชีวิตที่เร้นกายอยู่ในทรายอย่างปลาลิ้นหมาตาข้างขวาก็น่าสนุกเช่นกัน
มีมุมให้สัมผัสหอยและอื่นๆ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากเหล่าเด็กๆ นอกจากสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บริเวณชายหาด เช่น หอยเม่น ปลาดาว ดอกไม้ทะเล ปูเสฉวน และปูแล้ว การได้สัมผัสกับสิ่งมีชีวิตในอ่าวมุตสึอย่างหอยเชลล์และเพรียงหัวหอมก็เป็นอีกจุดน่าสนใจที่มีเฉพาะในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอะซะมุชิ
ไม่ว่าอย่างไร การแสดงโลมาก็ยังได้รับความนิยมอันดับหนึ่ง เหล่าโลมาจะแสดงการกระโดดอันน่าตื่นตาตื่นใจประกอบเสียงเพลงจากสึกะรุชามิเซ็น (เครื่องดนตรี 3 สายชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น) และขลุ่ยโดยมาในธีม “เทศกาล” การประสานระหว่างเหล่าโลมากับเพลงที่จินตนาการมาจากวงดนตรีในเทศกาลเนบุตะนั้นจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นอะโอะโมะริ และเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นการแสดงอันไม่เหมือนใครซึ่งหาดูได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น
เชิญคุณมาสนุกสนานกับโลกแห่งมหาสมุทรอันไม่ซ้ำใครแบบเฉพาะของอะโอะโมะริ เหล่าสิ่งมีชีวิตในโลก และการแสดงต่างๆ มากมายได้ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอะซะมุชิ
ตื่นตาอลังการไปกับอุโมงค์ใต้ทะเลความยาว 15 เมตร และมีการจัดแสดง “ทะเลอ่าวมุตสึ” เพื่อทำให้รู้สึกเหมือนเดินอยู่กลางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ของอะโอะโมะริ มีความไม่เหมือนใครตรงจะมีสภาพการเพาะเลี้ยงหอยเชลล์และเพรียงหัวหอมให้ได้ชมกัน การหาสิ่งมีชีวิตที่เร้นกายอยู่ในทรายอย่างปลาลิ้นหมาตาข้างขวาก็น่าสนุกเช่นกัน
มีมุมให้สัมผัสหอยและอื่นๆ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากเหล่าเด็กๆ นอกจากสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บริเวณชายหาด เช่น หอยเม่น ปลาดาว ดอกไม้ทะเล ปูเสฉวน และปูแล้ว การได้สัมผัสกับสิ่งมีชีวิตในอ่าวมุตสึอย่างหอยเชลล์และเพรียงหัวหอมก็เป็นอีกจุดน่าสนใจที่มีเฉพาะในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอะซะมุชิ
ไม่ว่าอย่างไร การแสดงโลมาก็ยังได้รับความนิยมอันดับหนึ่ง เหล่าโลมาจะแสดงการกระโดดอันน่าตื่นตาตื่นใจประกอบเสียงเพลงจากสึกะรุชามิเซ็น (เครื่องดนตรี 3 สายชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น) และขลุ่ยโดยมาในธีม “เทศกาล” การประสานระหว่างเหล่าโลมากับเพลงที่จินตนาการมาจากวงดนตรีในเทศกาลเนบุตะนั้นจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นอะโอะโมะริ และเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นการแสดงอันไม่เหมือนใครซึ่งหาดูได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น
เชิญคุณมาสนุกสนานกับโลกแห่งมหาสมุทรอันไม่ซ้ำใครแบบเฉพาะของอะโอะโมะริ เหล่าสิ่งมีชีวิตในโลก และการแสดงต่างๆ มากมายได้ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอะซะมุชิ
อะซะมุชิออนเซ็น
รีสอร์ตพร้อมออนเซ็นเพียงแห่งเดียวในโทโฮคุที่หันหน้าไปทางอ่าวมุตสึซึ่งมีทิวทัศน์ยามเย็นสวยงาม
หากนั่ง “รถไฟอะโอะอิโมะริ” อันเป็นรถไฟท้องถิ่นเพื่อชมวิวสวยและลงที่ “สถานีอะซะมุชิออนเซ็น” คุณก็จะได้พบกับเมืองอะซะมุชิออนเซ็น ออนเซ็นแช่เท้าฟรีตรงหน้าสถานีจะช่วยกระตุ้นอารมณ์อยากเที่ยวได้ บรรยากาศของเมืองฝั่งตะวันออกกับตะวันตกของสถานีมีความแตกต่างกัน ฝั่งตะวันออกจะเป็นเมืองออนเซ็นแบบย้อนยุค ส่วนฝั่งตะวันตกจะเป็นรีสอร์ตติดทะเล
ฝั่งตะวันออกมีเรียวกังพร้อมออนเซ็นกับโรงอาหารแบบสมัยก่อนตั้งอยู่ตามซอยแคบๆ และมีบรรยากาศแบบเมืองออนเซ็นในสมัยก่อนของญี่ปุ่น ทั้งยังมี “จุดต้มไข่ออนเซ็น” ที่เพียงแค่แช่ลงในน้ำพุร้อนก็จะได้ออกมาเป็นไข่ออนเซ็นอร่อยๆ และ “จุดดื่มน้ำพุร้อน” ที่กล่าวกันว่ามีฤทธิ์ช่วยรักษาโรคทางเดินอาหารเรื้อรัง นอกจากนี้ฝั่งตะวันออกของสถานียังมี “วนอุทยานอะซะมุชิออนเซ็น” ที่ได้รับเลือกให้เป็น “ร้อยอันดับป่าสำหรับธรรมชาติบำบัด” และ “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอะซะมุชิ” ที่ได้รับเสียงชื่นชมเรื่องการแสดงโลมาอีกด้วย
ฝั่งตะวันตกมีสวนริมทะเล “ซันเซ็ตบีชอะซะมุชิ” ให้คุณได้ดื่มด่ำกับทะเล ไม่ว่าจะเป็นชายหาด วินด์เซิร์ฟ เรือยอชต์ หรือการตกปลา เป็นต้น มีจุดพักรถ “ยู~สะอะซะมุชิ” ที่มีบ่อแช่น้ำชมวิวอ่าวมุตสึ รวมถึงเป็นรีสอร์ตติดทะเลควบคู่ไปกับรีสอร์ตพร้อมออนเซ็นซึ่งเรียงรายไปด้วยโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีห้องวิวทะเล ความสวยงามของวิวอ่าวมุตสึในยามเย็นนั้นหาที่ใดเปรียบมิได้! ดังนั้นไม่ควรพลาดมาเข้าพักกันให้ได้
น้ำพุร้อนใสไร้สี ไร้รส ไร้กลิ่น และอ่อนโยนต่อผิว นอกจากจะช่วยรักษาอาการปวดเส้นประสาท โรครูมาตอยด์ ปวดเอว โรคสตรี โรคผิวหนัง และอื่นๆ แล้วยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวสวยอีกด้วย
ฝั่งตะวันออกมีเรียวกังพร้อมออนเซ็นกับโรงอาหารแบบสมัยก่อนตั้งอยู่ตามซอยแคบๆ และมีบรรยากาศแบบเมืองออนเซ็นในสมัยก่อนของญี่ปุ่น ทั้งยังมี “จุดต้มไข่ออนเซ็น” ที่เพียงแค่แช่ลงในน้ำพุร้อนก็จะได้ออกมาเป็นไข่ออนเซ็นอร่อยๆ และ “จุดดื่มน้ำพุร้อน” ที่กล่าวกันว่ามีฤทธิ์ช่วยรักษาโรคทางเดินอาหารเรื้อรัง นอกจากนี้ฝั่งตะวันออกของสถานียังมี “วนอุทยานอะซะมุชิออนเซ็น” ที่ได้รับเลือกให้เป็น “ร้อยอันดับป่าสำหรับธรรมชาติบำบัด” และ “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอะซะมุชิ” ที่ได้รับเสียงชื่นชมเรื่องการแสดงโลมาอีกด้วย
ฝั่งตะวันตกมีสวนริมทะเล “ซันเซ็ตบีชอะซะมุชิ” ให้คุณได้ดื่มด่ำกับทะเล ไม่ว่าจะเป็นชายหาด วินด์เซิร์ฟ เรือยอชต์ หรือการตกปลา เป็นต้น มีจุดพักรถ “ยู~สะอะซะมุชิ” ที่มีบ่อแช่น้ำชมวิวอ่าวมุตสึ รวมถึงเป็นรีสอร์ตติดทะเลควบคู่ไปกับรีสอร์ตพร้อมออนเซ็นซึ่งเรียงรายไปด้วยโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีห้องวิวทะเล ความสวยงามของวิวอ่าวมุตสึในยามเย็นนั้นหาที่ใดเปรียบมิได้! ดังนั้นไม่ควรพลาดมาเข้าพักกันให้ได้
น้ำพุร้อนใสไร้สี ไร้รส ไร้กลิ่น และอ่อนโยนต่อผิว นอกจากจะช่วยรักษาอาการปวดเส้นประสาท โรครูมาตอยด์ ปวดเอว โรคสตรี โรคผิวหนัง และอื่นๆ แล้วยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวสวยอีกด้วย
วันที่ 2
ซากปรักหักพังโบราณสถานพิเศษซันไน มารุยามะ
ซากปรักหักพังซันไน มารุยามะเป็นหนึ่งในซากปรักหักพังที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น นับตั้งแต่ยุคโจมงตอนต้นถึงกลาง โบราณวัตถุที่ต้องใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น รูปปั้นดินเผาที่มีลักษณะคล้ายจาน เสาไม้ขนาดยักษ์ และการทาสีลงรัก ถูกขุดพบ และในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ก็ถูกกำหนดให้เป็นโบราณสถานพิเศษระดับชาติ นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 "ซากปรักหักพังโจมงในฮอกไกโดและโทโฮคุตอนเหนือ" รวมถึงซากปรักหักพังซันไน มารุยามะ ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่โจมน จิยูคัง สิ่งของที่ขุดพบจะถูกจัดแสดงในห้องนิทรรศการถาวร ``พิพิธภัณฑ์ซันมารุ'' วิดีโอแนะนำซากปรักหักพังจะแสดงที่โรงละครโจมง และในเวิร์คช็อปสัมผัสประสบการณ์ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์สร้างสิ่งต่างๆ (สำหรับรายละเอียด โปรดดูที่ ``ซันมารุ พิพิธภัณฑ์'') โปรดตรวจสอบเวิร์คช็อปประสบการณ์ซากปรักหักพัง Uchimaruyama)นอกจากนี้ ไกด์อาสาสมัครยังจัดทัวร์ชมซากปรักหักพังอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาโอโมริ
อาคารหลังนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากสถานที่ขุดค้นซากปรักหักพังซันไน มารุยามะ ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกหน้าใหม่ จุน อาโอกิ คุณสามารถชมภาพวาดพื้นหลังเวทีสำหรับบัลเล่ต์ผลงานชิ้นเอกของ Chagall เรื่อง "Aleko" ขนาดประมาณ 9 x 15 เมตร รวมถึงผลงานของศิลปินที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดอาโอโมริ เช่น โยชิโทโม นารา, ชิโกะ มุนากาตะ และชูจิ เทรายามะนี่คือพื้นที่ที่คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์การสร้างสรรค์งานศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของอาโอโมริ
บ้านเนบุตะ วะรัสเซ
มีการจัดแสดงเนบุตะขนาดใหญ่สี่อันที่ปรากฎในช่วงเทศกาลเนบุตะ คุณสามารถสัมผัสอาโอโมริเนบุตะได้ด้วยการจัดประสบการณ์เทศกาลทุกวัน
[ภาพรวมสิ่งอำนวยความสะดวกหลัก]คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และโครงสร้างของเทศกาลเนบุตะได้ 1. การแสดงสดเนบุตะ ฮายาชิ และการแสดงประสบการณ์ฮาเนโตะ วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เฉพาะ 11.00 น. 13.00 น. 15.00 น. (ครั้งละ 30 นาที)2. ประสบการณ์เทศกาลเนบุตะ วันธรรมดา 11:10, 13:10, 15:10 (ครั้งละ 20 นาที)3. ประสบการณ์ติดกระดาษ 10.00 น., 14.00 น. (ครั้งละ 30 นาที)4. บริการคัดกรองเนบุตะ 9:30, 10:00, 11:00, 12:00, 13:00, 14:00, 15:00, 16:00, 17:00 (ครั้งละ 10 นาที)(เพิ่มเวลา 18:00 น. ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม)*จะไม่มีวิดีโอหากมีการแสดงดนตรีสดและการแสดงประสบการณ์ฮาเนโตะระยะเวลาการใช้งานพิพิธภัณฑ์เนบุตะ พฤษภาคม-สิงหาคม 9:00-19:00 น. กันยายน-เมษายน 9:00-18:00 น.ร้านค้าเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 9:00-19:30 น. กันยายน-เมษายน 9:00-18:30 น.ร้านอาหาร พฤษภาคม-สิงหาคม 11:00-20:00 น. กันยายน-เมษายน 11:00-19:00 น.*ที่จอดรถฟรี 1 ชั่วโมงสำหรับผู้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เนบุตะมีระบบส่วนลดสำหรับคนพิการ
(ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2563)
(ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2563)
อะซะมุชิออนเซ็น
รีสอร์ตพร้อมออนเซ็นเพียงแห่งเดียวในโทโฮคุที่หันหน้าไปทางอ่าวมุตสึซึ่งมีทิวทัศน์ยามเย็นสวยงาม
หากนั่ง “รถไฟอะโอะอิโมะริ” อันเป็นรถไฟท้องถิ่นเพื่อชมวิวสวยและลงที่ “สถานีอะซะมุชิออนเซ็น” คุณก็จะได้พบกับเมืองอะซะมุชิออนเซ็น ออนเซ็นแช่เท้าฟรีตรงหน้าสถานีจะช่วยกระตุ้นอารมณ์อยากเที่ยวได้ บรรยากาศของเมืองฝั่งตะวันออกกับตะวันตกของสถานีมีความแตกต่างกัน ฝั่งตะวันออกจะเป็นเมืองออนเซ็นแบบย้อนยุค ส่วนฝั่งตะวันตกจะเป็นรีสอร์ตติดทะเล
ฝั่งตะวันออกมีเรียวกังพร้อมออนเซ็นกับโรงอาหารแบบสมัยก่อนตั้งอยู่ตามซอยแคบๆ และมีบรรยากาศแบบเมืองออนเซ็นในสมัยก่อนของญี่ปุ่น ทั้งยังมี “จุดต้มไข่ออนเซ็น” ที่เพียงแค่แช่ลงในน้ำพุร้อนก็จะได้ออกมาเป็นไข่ออนเซ็นอร่อยๆ และ “จุดดื่มน้ำพุร้อน” ที่กล่าวกันว่ามีฤทธิ์ช่วยรักษาโรคทางเดินอาหารเรื้อรัง นอกจากนี้ฝั่งตะวันออกของสถานียังมี “วนอุทยานอะซะมุชิออนเซ็น” ที่ได้รับเลือกให้เป็น “ร้อยอันดับป่าสำหรับธรรมชาติบำบัด” และ “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอะซะมุชิ” ที่ได้รับเสียงชื่นชมเรื่องการแสดงโลมาอีกด้วย
ฝั่งตะวันตกมีสวนริมทะเล “ซันเซ็ตบีชอะซะมุชิ” ให้คุณได้ดื่มด่ำกับทะเล ไม่ว่าจะเป็นชายหาด วินด์เซิร์ฟ เรือยอชต์ หรือการตกปลา เป็นต้น มีจุดพักรถ “ยู~สะอะซะมุชิ” ที่มีบ่อแช่น้ำชมวิวอ่าวมุตสึ รวมถึงเป็นรีสอร์ตติดทะเลควบคู่ไปกับรีสอร์ตพร้อมออนเซ็นซึ่งเรียงรายไปด้วยโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีห้องวิวทะเล ความสวยงามของวิวอ่าวมุตสึในยามเย็นนั้นหาที่ใดเปรียบมิได้! ดังนั้นไม่ควรพลาดมาเข้าพักกันให้ได้
น้ำพุร้อนใสไร้สี ไร้รส ไร้กลิ่น และอ่อนโยนต่อผิว นอกจากจะช่วยรักษาอาการปวดเส้นประสาท โรครูมาตอยด์ ปวดเอว โรคสตรี โรคผิวหนัง และอื่นๆ แล้วยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวสวยอีกด้วย
ฝั่งตะวันออกมีเรียวกังพร้อมออนเซ็นกับโรงอาหารแบบสมัยก่อนตั้งอยู่ตามซอยแคบๆ และมีบรรยากาศแบบเมืองออนเซ็นในสมัยก่อนของญี่ปุ่น ทั้งยังมี “จุดต้มไข่ออนเซ็น” ที่เพียงแค่แช่ลงในน้ำพุร้อนก็จะได้ออกมาเป็นไข่ออนเซ็นอร่อยๆ และ “จุดดื่มน้ำพุร้อน” ที่กล่าวกันว่ามีฤทธิ์ช่วยรักษาโรคทางเดินอาหารเรื้อรัง นอกจากนี้ฝั่งตะวันออกของสถานียังมี “วนอุทยานอะซะมุชิออนเซ็น” ที่ได้รับเลือกให้เป็น “ร้อยอันดับป่าสำหรับธรรมชาติบำบัด” และ “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอะซะมุชิ” ที่ได้รับเสียงชื่นชมเรื่องการแสดงโลมาอีกด้วย
ฝั่งตะวันตกมีสวนริมทะเล “ซันเซ็ตบีชอะซะมุชิ” ให้คุณได้ดื่มด่ำกับทะเล ไม่ว่าจะเป็นชายหาด วินด์เซิร์ฟ เรือยอชต์ หรือการตกปลา เป็นต้น มีจุดพักรถ “ยู~สะอะซะมุชิ” ที่มีบ่อแช่น้ำชมวิวอ่าวมุตสึ รวมถึงเป็นรีสอร์ตติดทะเลควบคู่ไปกับรีสอร์ตพร้อมออนเซ็นซึ่งเรียงรายไปด้วยโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีห้องวิวทะเล ความสวยงามของวิวอ่าวมุตสึในยามเย็นนั้นหาที่ใดเปรียบมิได้! ดังนั้นไม่ควรพลาดมาเข้าพักกันให้ได้
น้ำพุร้อนใสไร้สี ไร้รส ไร้กลิ่น และอ่อนโยนต่อผิว นอกจากจะช่วยรักษาอาการปวดเส้นประสาท โรครูมาตอยด์ ปวดเอว โรคสตรี โรคผิวหนัง และอื่นๆ แล้วยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวสวยอีกด้วย
วันที่ 3
ภูเขานากาโนะโมมิจิ
ป่านากาโนะโมมิจิเป็นป่าที่ผู้ครองแคว้นฮิโรซากิย้ายต้นเมเปิ้ล (คาเอเดะและโมมิจิ) ที่สั่งซื้อจ่ายเกียวโตมาปลูกไว้ที่นี่ ในเวลากลางวันจะให้บรรยากาศที่ใบไม้แดงกับลำธารสอดประสานกันราวกับเป็นโลกแห่งบทกวี ในเวลากลางคืนจะมีการเปิดไฟให้แสงสีสร้างบรรยากาศราวกับโลกแห่งความฝัน
พิพิธภัณฑ์เซรามิกพื้นบ้านซึการุ
พิพิธภัณฑ์เซรามิกพื้นบ้านซึการุ เป็นสถานที่ที่สามารถสัมผัสกับงานแสดงที่เป็นศิลปะดั้งเดิมพื้นเมืองของท้องถิ่นนี้อย่างเครื่องเคลือบซึการุและคุโรอิชิเนบุตะ
สวนสาธารณะฮิโรซากิ (ซากปราสาทฮิโรซากิ)
เพลิดเพลินไปกับหอคอยและปราสาทฮิโรซากิที่ยังเหลืออยู่ และความงดงามตลอดทั้งสี่ฤดูกาล
ปราสาทฮิโรซากิซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1611 เปิดให้เป็น "สวนสาธารณะฮิโรซากิ" ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1895 นับแต่นั้นเป็นต้นมาประชาชนและนักท่องเที่ยวมากมายก็ได้รับความเพลิดเพลินจากสวนแห่งนี้
หอคอยปราสาท ประตูปราสาท 5 แห่ง และป้อมปราการ 3 แห่งที่หลงเหลือมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ
ภายในสวนฮิโรซากิมีต้นซากุระปลูกอยู่ 52 สายพันธุ์ ประมาณ 2,600 ต้น และเป็น "1 ใน 3 จุดชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น" นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์อย่างอื่นอีกมากมาย เช่น โซเมโยชิโนะ ต้นซากุระที่มีอายุยืนยาวที่สุดในสวนฮิโรซากิ ซึ่งมีอายุมากกว่า 140 ปี, การประดับไฟที่ต้นซากุระในช่วงกลางคืน, และ "แพซากุระ" กลีบดอกซากุระที่ร่วงหล่นเป็นแพอยู่เต็มคูเมือง เป็นต้นตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีการจัดงาน "เทศกาลดอกซากุระฮิโรซากิ" ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากจากภายในและนอกจังหวัด
ปัจจุบัน หอคอยปราสาทฮิโรซากิถูกเคลื่อนย้ายไปด้านในของป้อมปราการชั้นในเพื่อทำการซ่อมแซมกำแพงหิน ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพภูเขาอิวากิ หรือที่รู้จักในชื่อฟูจิแห่งสึงารุ ร่วมกับดอกซากุระและหอคอยปราสาทได้เฉพาะในช่วงเวลานี้เท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบของต้นเมเปิลประมาณ 1,000 ต้น และต้นซากุระ 2,600 ต้นจะเปลี่ยนเป็นสีสดใส, "เทศกาลดอกเบญจมาศและใบไม้เปลี่ยนสีฮิโรซากิ" ที่มีการประดับตกแต่งสถานที่จัดงานด้วยดอกเบญจมาศและฟลาวเวอร์อาร์ท, ในฤดูหนาวจะมีการจัด "เทศกาลโคมไฟหิมะในปราสาทฮิโรซากิ" สร้างโลกอันน่าอัศจรรย์ด้วยโคมไฟหิมะและประติมากรรมหิมะราว 150 ชิ้น ที่ชาวเมืองร่วมกันขึ้นมา และกระท่อมหิมะคามาคุระขนาดจิ๋วประดับไฟ 300 หลัง เป็นต้น สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามได้ในทุกฤดูกาล
หอคอยปราสาท ประตูปราสาท 5 แห่ง และป้อมปราการ 3 แห่งที่หลงเหลือมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ
ภายในสวนฮิโรซากิมีต้นซากุระปลูกอยู่ 52 สายพันธุ์ ประมาณ 2,600 ต้น และเป็น "1 ใน 3 จุดชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น" นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์อย่างอื่นอีกมากมาย เช่น โซเมโยชิโนะ ต้นซากุระที่มีอายุยืนยาวที่สุดในสวนฮิโรซากิ ซึ่งมีอายุมากกว่า 140 ปี, การประดับไฟที่ต้นซากุระในช่วงกลางคืน, และ "แพซากุระ" กลีบดอกซากุระที่ร่วงหล่นเป็นแพอยู่เต็มคูเมือง เป็นต้นตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีการจัดงาน "เทศกาลดอกซากุระฮิโรซากิ" ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากจากภายในและนอกจังหวัด
ปัจจุบัน หอคอยปราสาทฮิโรซากิถูกเคลื่อนย้ายไปด้านในของป้อมปราการชั้นในเพื่อทำการซ่อมแซมกำแพงหิน ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพภูเขาอิวากิ หรือที่รู้จักในชื่อฟูจิแห่งสึงารุ ร่วมกับดอกซากุระและหอคอยปราสาทได้เฉพาะในช่วงเวลานี้เท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบของต้นเมเปิลประมาณ 1,000 ต้น และต้นซากุระ 2,600 ต้นจะเปลี่ยนเป็นสีสดใส, "เทศกาลดอกเบญจมาศและใบไม้เปลี่ยนสีฮิโรซากิ" ที่มีการประดับตกแต่งสถานที่จัดงานด้วยดอกเบญจมาศและฟลาวเวอร์อาร์ท, ในฤดูหนาวจะมีการจัด "เทศกาลโคมไฟหิมะในปราสาทฮิโรซากิ" สร้างโลกอันน่าอัศจรรย์ด้วยโคมไฟหิมะและประติมากรรมหิมะราว 150 ชิ้น ที่ชาวเมืองร่วมกันขึ้นมา และกระท่อมหิมะคามาคุระขนาดจิ๋วประดับไฟ 300 หลัง เป็นต้น สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามได้ในทุกฤดูกาล
จุดหมายปลายทาง