เส้นทางวัฒนธรรม ความเชื่อ และมรดกโลกทางธรรมชาติของโทโฮคุ
- เวลาที่จำเป็น : 2 คืน 3 วัน
- วิธีเดินทางหลัก : รถยนต์
ในโทโฮคุมีความเชื่อพื้นบ้านมากมายที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ
เส้นทางนี้ให้คุณได้สัมผัสกับความเชื่อพื้นบ้านที่น่าสนใจของภูมิภาคโทโฮคุซึ่งมีอยู่ในรูปแบบต่างๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น นามาฮาเกะ เทพเจ้าที่มาเยี่ยมเยียนในวันส่งท้ายปีเก่า และการสักการะบนภูเขา
(อะโอะโมะริ - ฮิโรซากิ - ชิราคามิ - อาจิกาซาวะ - ชิราคามิ - โอกะ - อะคิตะ - เดวะซันซัง - ยะมะกะตะ)
ญี่ปุ่นในอีกรูปแบบหนึ่ง เส้นทางขับรถสำรวจโทโฮคุ ~ทริปสำรวจสี่ฤดูกาลและประวัติอันยาวนานของโทโฮคุ~
เริ่มต้น
วันที่ 1
สถานีอาโอโมริ สนามบินอาโอโมริ
พื้นที่ทางโบราณคดีซันไนมารูยามะ
สัมผัสประสบการณ์ยุคโจมง (ยุคสมัยของญี่ปุ่น ตั้งแต่ ประมาณ 14,000 ถึง 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช) เต็มรูปแบบ! คุณสามารถยืมสวมใส่ชุดยุคโจมง แล้วเดินได้อย่างอิสระในพื้นที่ทางโบราณคดีแห่งนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 เป็นต้นไป ในพิพิธภัณฑ์ จะมีการฉายภาพโปรเจกเตอร์ลงบนวัตถุ (Projection mapping)
บ้านเนบุตะ วะรัสเซ
มีการจัดแสดงเนบุตะขนาดใหญ่สี่อันที่ปรากฎในช่วงเทศกาลเนบุตะ คุณสามารถสัมผัสอาโอโมริเนบุตะได้ด้วยการจัดประสบการณ์เทศกาลทุกวัน
[ภาพรวมสิ่งอำนวยความสะดวกหลัก]คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และโครงสร้างของเทศกาลเนบุตะได้ 1. การแสดงสดเนบุตะ ฮายาชิ และการแสดงประสบการณ์ฮาเนโตะ วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เฉพาะ 11.00 น. 13.00 น. 15.00 น. (ครั้งละ 30 นาที)2. ประสบการณ์เทศกาลเนบุตะ วันธรรมดา 11:10, 13:10, 15:10 (ครั้งละ 20 นาที)3. ประสบการณ์ติดกระดาษ 10.00 น., 14.00 น. (ครั้งละ 30 นาที)4. บริการคัดกรองเนบุตะ 9:30, 10:00, 11:00, 12:00, 13:00, 14:00, 15:00, 16:00, 17:00 (ครั้งละ 10 นาที)(เพิ่มเวลา 18:00 น. ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม)*จะไม่มีวิดีโอหากมีการแสดงดนตรีสดและการแสดงประสบการณ์ฮาเนโตะระยะเวลาการใช้งานพิพิธภัณฑ์เนบุตะ พฤษภาคม-สิงหาคม 9:00-19:00 น. กันยายน-เมษายน 9:00-18:00 น.ร้านค้าเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 9:00-19:30 น. กันยายน-เมษายน 9:00-18:30 น.ร้านอาหาร พฤษภาคม-สิงหาคม 11:00-20:00 น. กันยายน-เมษายน 11:00-19:00 น.*ที่จอดรถฟรี 1 ชั่วโมงสำหรับผู้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เนบุตะมีระบบส่วนลดสำหรับคนพิการ
(ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2563)
(ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2563)
สวนสาธารณะฮิโรซากิ (ซากปราสาทฮิโรซากิ)
เพลิดเพลินไปกับหอคอยและปราสาทฮิโรซากิที่ยังเหลืออยู่ และความงดงามตลอดทั้งสี่ฤดูกาล
ปราสาทฮิโรซากิซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1611 เปิดให้เป็น "สวนสาธารณะฮิโรซากิ" ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1895 นับแต่นั้นเป็นต้นมาประชาชนและนักท่องเที่ยวมากมายก็ได้รับความเพลิดเพลินจากสวนแห่งนี้
หอคอยปราสาท ประตูปราสาท 5 แห่ง และป้อมปราการ 3 แห่งที่หลงเหลือมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ
ภายในสวนฮิโรซากิมีต้นซากุระปลูกอยู่ 52 สายพันธุ์ ประมาณ 2,600 ต้น และเป็น "1 ใน 3 จุดชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น" นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์อย่างอื่นอีกมากมาย เช่น โซเมโยชิโนะ ต้นซากุระที่มีอายุยืนยาวที่สุดในสวนฮิโรซากิ ซึ่งมีอายุมากกว่า 140 ปี, การประดับไฟที่ต้นซากุระในช่วงกลางคืน, และ "แพซากุระ" กลีบดอกซากุระที่ร่วงหล่นเป็นแพอยู่เต็มคูเมือง เป็นต้นตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีการจัดงาน "เทศกาลดอกซากุระฮิโรซากิ" ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากจากภายในและนอกจังหวัด
ปัจจุบัน หอคอยปราสาทฮิโรซากิถูกเคลื่อนย้ายไปด้านในของป้อมปราการชั้นในเพื่อทำการซ่อมแซมกำแพงหิน ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพภูเขาอิวากิ หรือที่รู้จักในชื่อฟูจิแห่งสึงารุ ร่วมกับดอกซากุระและหอคอยปราสาทได้เฉพาะในช่วงเวลานี้เท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบของต้นเมเปิลประมาณ 1,000 ต้น และต้นซากุระ 2,600 ต้นจะเปลี่ยนเป็นสีสดใส, "เทศกาลดอกเบญจมาศและใบไม้เปลี่ยนสีฮิโรซากิ" ที่มีการประดับตกแต่งสถานที่จัดงานด้วยดอกเบญจมาศและฟลาวเวอร์อาร์ท, ในฤดูหนาวจะมีการจัด "เทศกาลโคมไฟหิมะในปราสาทฮิโรซากิ" สร้างโลกอันน่าอัศจรรย์ด้วยโคมไฟหิมะและประติมากรรมหิมะราว 150 ชิ้น ที่ชาวเมืองร่วมกันขึ้นมา และกระท่อมหิมะคามาคุระขนาดจิ๋วประดับไฟ 300 หลัง เป็นต้น สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามได้ในทุกฤดูกาล
หอคอยปราสาท ประตูปราสาท 5 แห่ง และป้อมปราการ 3 แห่งที่หลงเหลือมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ
ภายในสวนฮิโรซากิมีต้นซากุระปลูกอยู่ 52 สายพันธุ์ ประมาณ 2,600 ต้น และเป็น "1 ใน 3 จุดชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น" นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์อย่างอื่นอีกมากมาย เช่น โซเมโยชิโนะ ต้นซากุระที่มีอายุยืนยาวที่สุดในสวนฮิโรซากิ ซึ่งมีอายุมากกว่า 140 ปี, การประดับไฟที่ต้นซากุระในช่วงกลางคืน, และ "แพซากุระ" กลีบดอกซากุระที่ร่วงหล่นเป็นแพอยู่เต็มคูเมือง เป็นต้นตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีการจัดงาน "เทศกาลดอกซากุระฮิโรซากิ" ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากจากภายในและนอกจังหวัด
ปัจจุบัน หอคอยปราสาทฮิโรซากิถูกเคลื่อนย้ายไปด้านในของป้อมปราการชั้นในเพื่อทำการซ่อมแซมกำแพงหิน ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพภูเขาอิวากิ หรือที่รู้จักในชื่อฟูจิแห่งสึงารุ ร่วมกับดอกซากุระและหอคอยปราสาทได้เฉพาะในช่วงเวลานี้เท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบของต้นเมเปิลประมาณ 1,000 ต้น และต้นซากุระ 2,600 ต้นจะเปลี่ยนเป็นสีสดใส, "เทศกาลดอกเบญจมาศและใบไม้เปลี่ยนสีฮิโรซากิ" ที่มีการประดับตกแต่งสถานที่จัดงานด้วยดอกเบญจมาศและฟลาวเวอร์อาร์ท, ในฤดูหนาวจะมีการจัด "เทศกาลโคมไฟหิมะในปราสาทฮิโรซากิ" สร้างโลกอันน่าอัศจรรย์ด้วยโคมไฟหิมะและประติมากรรมหิมะราว 150 ชิ้น ที่ชาวเมืองร่วมกันขึ้นมา และกระท่อมหิมะคามาคุระขนาดจิ๋วประดับไฟ 300 หลัง เป็นต้น สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามได้ในทุกฤดูกาล
สวนแอปเปิล เมืองฮิโรซากิ
สวนแอปเปิลมีเนื้อที่ประมาณ 9.7 เฮกตาร์ มีต้นแอปเปิลมากถึง 80 สายพันธุ์ รวม 2,300 ต้น นี่คือสถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสกับประสบการณ์การเก็บแอปเปิล และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับแอปเปิลรสเลิศ อันเป็นความพิเศษที่มีเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกที่มีชื่อเสียงเท่านั้น
สามารถสัมผัสประสบการณ์เก็บแอปเปิลในสวนได้ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม-ถึงกลางเดือนพฤศจิกายน รสชาติแอปเปิลที่เก็บสดๆ จากต้นนั้นช่างยอดเยี่ยม! ช่วงเวลาที่เก็บได้ขึ้นอยู่กับสภาพการเจริญเติบโตของแอปเปิล จึงควรตรวจสอบล่วงหน้า สามารถเดินเล่นไปตามเส้นทางเดินในสวนและเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาอิวากิที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสวนแอปเปิลได้อีกด้วย
ที่ร้าน "ริงโกะ โนะ อิเอะ" มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับแอปเปิลราว 1,200 รายการ รวมถึงงานฝีมือท้องถิ่นดั้งเดิมที่ทำเป็นลวดลายแอปเปิล และขนมรสแอปเปิล เป็นต้น ที่มุมของว่าง สามารถลิ้มรสแกงกะหรี่แอปเปิล แอปเปิลซันเดย์ ไซเดอร์ และอาหารอื่นๆ ที่ทำจากแอปเปิล และการฟังเรื่องราวการผลิตไซเดอร์ที่ "ฮิโรซากิ ไซเดอร์ โคโบ kimori" ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่อยากแนะนำ
นอกจากนี้ยังมีลานกว้างพร้อมเครื่องเล่นสำหรับเด็ก พื้นที่ไว้นั่งปิกนิก และอื่นๆ จึงกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับพาครอบครัวมาพักผ่อน
ภายในสวนยังมี "บ้านเก่าโคยามาอุจิ" บ้านเก่าของชาวสวนที่ได้รับการย้ายและนำมาสร้างขึ้นใหม่ ภายในมีการจัดแสดงอุปกรณ์ทำสวนในสมัยก่อน และในวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤศจิกายน จะมี การจัดกิจกรรม "สึงารุ มุกาชิ โนะ โมโนกาตาริ" การเล่านิทานพื้นบ้านที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณด้วยภาษาถิ่น
สามารถสัมผัสประสบการณ์เก็บแอปเปิลในสวนได้ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม-ถึงกลางเดือนพฤศจิกายน รสชาติแอปเปิลที่เก็บสดๆ จากต้นนั้นช่างยอดเยี่ยม! ช่วงเวลาที่เก็บได้ขึ้นอยู่กับสภาพการเจริญเติบโตของแอปเปิล จึงควรตรวจสอบล่วงหน้า สามารถเดินเล่นไปตามเส้นทางเดินในสวนและเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาอิวากิที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสวนแอปเปิลได้อีกด้วย
ที่ร้าน "ริงโกะ โนะ อิเอะ" มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับแอปเปิลราว 1,200 รายการ รวมถึงงานฝีมือท้องถิ่นดั้งเดิมที่ทำเป็นลวดลายแอปเปิล และขนมรสแอปเปิล เป็นต้น ที่มุมของว่าง สามารถลิ้มรสแกงกะหรี่แอปเปิล แอปเปิลซันเดย์ ไซเดอร์ และอาหารอื่นๆ ที่ทำจากแอปเปิล และการฟังเรื่องราวการผลิตไซเดอร์ที่ "ฮิโรซากิ ไซเดอร์ โคโบ kimori" ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่อยากแนะนำ
นอกจากนี้ยังมีลานกว้างพร้อมเครื่องเล่นสำหรับเด็ก พื้นที่ไว้นั่งปิกนิก และอื่นๆ จึงกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับพาครอบครัวมาพักผ่อน
ภายในสวนยังมี "บ้านเก่าโคยามาอุจิ" บ้านเก่าของชาวสวนที่ได้รับการย้ายและนำมาสร้างขึ้นใหม่ ภายในมีการจัดแสดงอุปกรณ์ทำสวนในสมัยก่อน และในวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤศจิกายน จะมี การจัดกิจกรรม "สึงารุ มุกาชิ โนะ โมโนกาตาริ" การเล่านิทานพื้นบ้านที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณด้วยภาษาถิ่น
ศูนย์นักท่องเที่ยวชิรากามิ ซันจิ
นี่คือสถานที่ที่คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างต้นบีชและระบบนิเวศได้
■ห้องโถงประสบการณ์วิดีโอในห้องโถงประสบการณ์วิดีโอ คุณสามารถเพลิดเพลินกับสี่ฤดูกาลของชิรากามิ-ซันจิบนหน้าจอขนาดใหญ่โดยใช้โปรเจ็กเตอร์ดิจิตอลที่มีพลังล้นเหลือและเสียงและภาพที่ดื่มด่ำ คุณควรจะสามารถเข้าใจความมหัศจรรย์และความงดงามของต้นบีชในเทือกเขาชิราคามิได้・ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 200 เยน เด็ก (นักเรียนมัธยมต้นหรือต่ำกว่า) 100 เยน *ส่วนลดกลุ่มสำหรับกลุ่มตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป จะได้รับส่วนลด 20%・ระยะเวลาฉาย: ประมาณ 33 นาที・ตารางการฉายภาพยนตร์:วันที่ 1 เมษายน ถึง 31 ตุลาคมครั้งที่ 1 9:00 น. ครั้งที่ 2 10:00 น. ครั้งที่ 3 11:00 น. ครั้งที่ 4 12:00 น.วันที่ 5 13:00 น. วันที่ 6 14:00 น. วันที่ 7 15:00 น. วันที่ 8 16:00 น. (8 รอบ/วัน) 1 พฤศจิกายน ถึง 31 มีนาคมครั้งที่ 1 9:30 น. ครั้งที่ 2 10:30 น. ครั้งที่ 3 11:30 น. ครั้งที่ 4 12:30 น.วันที่ 5 13:30 น. วันที่ 6 14:30 น. วันที่ 7 15:30 น. (7 รอบ/วัน)・ที่นั่งผู้ชม: 195 ที่นั่ง
■ห้องนิทรรศการนี่คือพิพิธภัณฑ์ที่คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของต้นบีช โครงสร้างของป่าบีช ระบบนิเวศของเทือกเขาชิราคามิ และความสัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์ เราแนะนำธรรมชาติของชิราคามิ-ซันจิตามธีมโดยใช้แบบจำลองและแผง・ระยะเวลาที่ต้องการ: ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
ศูนย์นักท่องเที่ยวชิรากามิ ซันจิยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าอีกด้วย โปรดแวะมาเป็นก้าวแรกในการทำความรู้จักกับชิรากามิซันจิ
*เนื้อหาอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดตรวจสอบที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
■ห้องนิทรรศการนี่คือพิพิธภัณฑ์ที่คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของต้นบีช โครงสร้างของป่าบีช ระบบนิเวศของเทือกเขาชิราคามิ และความสัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์ เราแนะนำธรรมชาติของชิราคามิ-ซันจิตามธีมโดยใช้แบบจำลองและแผง・ระยะเวลาที่ต้องการ: ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
ศูนย์นักท่องเที่ยวชิรากามิ ซันจิยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางเดินป่าอีกด้วย โปรดแวะมาเป็นก้าวแรกในการทำความรู้จักกับชิรากามิซันจิ
*เนื้อหาอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดตรวจสอบที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
อาจิกาซาวะ (ที่พัก)
ตามแนวชายฝั่งของเมืองอาจิกาซาวะซึ่งเป็นเมืองท่าที่หันหน้าเข้าหาทะเลญี่ปุ่น คุณจะเห็นปลาหมึกแห้งเรียงรายเป็นแถวราวกับม่าน ใกล้กับทางแยกทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3 และทางหลวงสายเก่า มีร้านขายปลาหมึกย่างหลายแห่งขายปลาหมึกแห้งสดๆ ที่ย่างเร็วเรียกว่าถนนยากิอิกะ
วันที่ 2
ชายฝั่งเซ็นโจจิกิ
""ชายฝั่งเซ็นโจจิกิ"" มีเพิงผาหินทอดตัวต่อเนื่องกันเป็นพื้นที่ขนาดกว้างใหญ่ที่ว่ากันว่านานมาแล้วมีท่านชายได้ปูเสื่อทาทามิหลายผืนซ้อนกันจนนับไม่ถ้วนแล้วจัดงานเลี้ยง ภาพรูปร่างหินแปลกตาที่ถูกตั้งเป็นชื่อต่างๆ เช่น หินเอบิสึ หินคาบุโตะ เรียงตัวต่อเนื่องกันเป็นสายไปตามชายฝั่งเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง เป็นฉากที่ทำให้รู้สึกมหัศจรรย์ใจราวกับได้ไปลงจอดอยู่บนดาวดวงอื่น ในยามพลบค่ำก็จะเกิดเป็นภาพเงาของหินที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยมีพระอาทิตย์ตกดินเป็นฉากหลัง และยังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกดิน รวมทั้งยังได้รับเลือกให้เป็น ""หนึ่งในร้อยพระอาทิตย์ตกดินที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น""ในฤดูร้อนก็จะเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการมาเดินเล่นชายหาดและและเล่นน้ำทะเล ใกล้ๆ กันมีร้านขายปลาหมึกย่าง ภาพของปลาหมึกจำนวนมากที่ถูกตากเอาไว้ราวกับผ้าม่านก็เป็นวิวที่มีความเฉพาะตัวเช่นกันชายฝั่งเซ็นโจจิกิอยู่ใกล้กับสถานีเซ็นโจจิกิของรถไฟด่วน ""รีสอร์ทชิราคามิ"" สายโกะโนแค่เพียงข้ามถนนก็ถึงทันที ซึ่งที่นี่เป็นสถานีที่ไม่มีคนอยู่ ไม่มีทั้งตัวอาคารของสถานีหรือกำแพง มีรถไฟบางขบวนที่จะหยุดรถให้ประมาณ 15 นาทีเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่น ควรตรวจสอบตารางเวลาเดินรถให้ดี เสียงหวูดรถไฟที่ดังเป็นสัญญาณไม่กี่นาทีก่อนออกรถอาจจะชวนให้รู้สึกเหงาระหว่างเดินทางได้
โคะกะเนะซะกิ ฟุโระฟุชิออนเซ็น
เปิดโล่งขั้นสุด! บ่อแช่น้ำกลางแจ้งรูปน้ำเต้าที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับทะเล
การลงแช่บ่อออนเซ็นกลางแจ้งซึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลนั้นจะให้ความเปิดโล่งแบบสัมผัสไม่ได้จากที่อื่น! เวลาที่อยากแนะนำที่สุดคือช่วงพระอาทิตย์ตก ท้องฟ้ากว้างใหญ่ตรงหน้าจะค่อยๆ ถูกย้อมเป็นสีแดงและดวงอาทิตย์สีแดงฉานก็จะจมลงไปในเส้นขอบฟ้าช้าๆ การได้แช่น้ำพลางชมวิวงดงามเช่นนี้ถือเป็นช่วงเวลาอันหรูหราเป็นอย่างยิ่ง ออนเซ็นเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าได้ถึงบ่าย 4 โมงซึ่งพระอาทิตย์ยังอยู่สูง ดังนั้นหากต้องการสัมผัสความหรูหราแบบนี้จะต้องค้างคืนเท่านั้น อาหารค่ำที่อัดแน่นไปด้วยอาหารทะเลซึ่งจับมาจากทะเลใกล้ๆ นั้นก็เป็นอีกหนึ่งของความเพลิดเพลินเช่นกัน
นอกจากบ่อแช่น้ำกลางแจ้งรูปน้ำเต้าแบบรวมชายหญิงแล้ว ยังมีบ่อแช่น้ำกลางแจ้งรูปวงกลมสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะอีกด้วย เมื่อรวมบ่อแช่น้ำในร่มแยกชายหญิงด้วยแล้วจะมีบ่อแช่น้ำทั้งหมด 4 แห่ง และแน่นอนว่าทุกแห่งเป็นระบบมีน้ำพุร้อนธรรมชาติ 100% ไหลลงมาเติมตลอด
ชื่อของ “ฟุโระฟุชิออนเซ็น” ตั้งมาจากคำกล่าวว่า “หากมาดูแลสุขภาพที่นี่แล้วจะไม่แก่ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย” น้ำพุร้อนเป็นสีน้ำตาลแดงเข้มถึงขนาดมองไม่เห็นก้นบ่อเพราะในน้ำพุร้อนมีธาตุเหล็กอยู่นั่นเอง น้ำพุร้อนสีน้ำตาลแดงที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและเกลือจะเย็นยากและช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้ถึงภายใน
นอกจากบ่อแช่น้ำกลางแจ้งรูปน้ำเต้าแบบรวมชายหญิงแล้ว ยังมีบ่อแช่น้ำกลางแจ้งรูปวงกลมสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะอีกด้วย เมื่อรวมบ่อแช่น้ำในร่มแยกชายหญิงด้วยแล้วจะมีบ่อแช่น้ำทั้งหมด 4 แห่ง และแน่นอนว่าทุกแห่งเป็นระบบมีน้ำพุร้อนธรรมชาติ 100% ไหลลงมาเติมตลอด
ชื่อของ “ฟุโระฟุชิออนเซ็น” ตั้งมาจากคำกล่าวว่า “หากมาดูแลสุขภาพที่นี่แล้วจะไม่แก่ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย” น้ำพุร้อนเป็นสีน้ำตาลแดงเข้มถึงขนาดมองไม่เห็นก้นบ่อเพราะในน้ำพุร้อนมีธาตุเหล็กอยู่นั่นเอง น้ำพุร้อนสีน้ำตาลแดงที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและเกลือจะเย็นยากและช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้ถึงภายใน
ทะเลสาบจูนิ
เดินเล่นในธรรมชาติที่กว้างใหญ่ของป่าบีชได้ มีนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจไปเพื่อเดินเล่นบริเวณทางเดินรอบๆบ่อAoike กันจำนวนมากทะเลสาบและบึงอยู่ทางตะวันตกของเทือกเขาชิราคามิประมาณกว่า30แห่ง มีป่าของต้นไม้ที่มีใบไม้กว้างๆทำให้ฤดูใบไม้ร่วงของใบไม้ค่อยๆเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงนั้นสวยงามมาก
การเดินป่าล่องธารน้ำใสชิราคามิ
ในอดีต การเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ซึ่งอยู่ลึกๆ ในภูเขานั้น จะใช้วิธีเดินลุยธารน้ำเข้าไปโดยใส่ "วาราจิ" (รองเท้าแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ทำจากฟางข้าว) ลองมาเปิดประสบการณ์พิเศษด้วยการเดินลุยสายน้ำที่ใสสะอาดกันไหม?
สัมผัสประสบการณ์พิเศษด้วยการเดินลุยธารน้ำใสสวยงามที่ไหลมาจากป่าต้นบีชญี่ปุ่นอันกว้างใหญ่ของชิราคามิ-ซังจิที่เป็นมรดกโลก ซึ่งแน่นอนว่าเราจะไม่ได้เจอะเจอใครในระหว่างทาง แต่อาจพบเห็นนก ปลา สัตว์ และร่องรอยของรถไฟขนไม้ในป่าก็ได้ ไกด์จะเดินทางไปด้วย จึงอุ่นใจได้แม้จะเดินล่องธารน้ำเป็นครั้งแรก เราจะรวมตัวกันที่ศูนย์มรดกโลกฟูจิซาโตะก่อน แล้วเดินทางด้วยรถยนต์ไปยังสถานที่จัดกิจกรรม แม่น้ำใสสะอาดจนแทบมองเห็นก้นแม่น้ำ ถ้ารู้สึกร้อนก็ว่ายน้ำเล่นได้เลย สำหรับอาหารกลางวัน (รวมอยู่ในค่าทัวร์แล้ว) เราจะทานกันที่ริมธารน้ำใสเลย โปรแกรมนี้จะเป็น 1 วันที่ให้คุณสัมผัสกับธรรมชาติที่ปราศจากการแต่งเติมได้อย่างเต็มเปี่ยมสิ่งที่ต้องนำติดตัว: รองเท้าสำหรับล่องธารน้ำ (หากไม่มี ให้สวมรองเท้าผ้าใบที่เปียกน้ำได้ ซึ่งเราจะพันรองเท้าด้วยฟางเพื่อกันลื่นตรงก้นแม่น้ำที่ลื่นง่าย), เสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยน ช่วงเวลาที่จัดกิจกรรม: ฤดูร้อน
พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ (เมืองโอกะ จังหวัดอะคิตะ)
นะมะฮะเกะมารวมกันที่นี่มากมายกว่า 150 แบบ! และมุมแปลงโฉมก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
นามาฮาเกะ งานประเพณีพื้นบ้านดั้งเดิมที่สืบทอดต่อกันมาในคาบสมุทรโอกะและบริเวณโดยรอบ การสวมหน้ากากยักษ์พร้อมกับเปล่งเสียงตะโกนไปด้วยว่า "มีเด็กร้องไหมมม" คนจึงมักคิดกันว่าเป็นปีศาจร้ายที่ชอบทำให้เด็กร้องไห้ แต่แท้จริงแล้ว นามะฮาเกะนั้นเป็นเทพที่เสด็จลงมาในวันส่งท้ายปีเก่าของทุกปีเพื่อคอยตักเตือนผู้คนไม่ให้เกียจคร้าน ช่วยให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ การเก็บเกี่ยวนาข้าวและพืชผลต่างๆ ได้ผลผลิตดี ภูเขาอุดมสมบูรณ์ ทะเลก็อุดมสมบูรณ์
"พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" เป็นสถานที่แนะนำประวัติศาสตร์และภูมิอากาศของพื้นที่แถบนี้โดยมีนามาฮาเกะเป็นหัวข้อจัดแสดงหลัก ที่มุมจัดแสดงเกี่ยวกับนามาฮาเกะ มีการจัดแสดงหน้ากากหลายแบบหลายลายที่ถูกใช้จริงในแต่ละหมู่บ้านมากถึง 150 ชิ้น ส่วนที่ห้องโถงแห่งตำนานมีการแสดงภาพยนตร์เรื่อง "ค่ำคืนหนึ่งของนามาฮาเกะ" ที่มีการแนะนำวัฒนธรรมนามาฮาเกะในวันส่งท้ายปีเก่า
นอกจากจะมีมุมที่คุณสามารถถ่ายรูปที่ระลึกขณะสวมใส่ชุดนามาฮาเกะของจริงได้แล้ว (ปัจจุบันปิดทำการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19) ยังมีมุมจำหน่ายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับนามาฮาเกะอีกด้วย และถ้าหากคุณโชคดี คุณอาจได้ชมช่างแกะสลักนามาฮาเกะทำการสาธิตแกะสลักหน้ากากด้วยมือ (จัดขึ้นเป็นครั้งคราว)
ติดกับ "พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" คือ "พิพิธภัณฑ์ตำนานพื้นบ้านโอะกะชินซัน" ที่ซึ่งสามารถชมการแสดงจริงของนามาฮาเกะ หากมีโอกาส โปรดเดินทางมาเยี่ยมชมทั้งสองแห่งและเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมพื้นบ้านนามาฮาเกะที่ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดยยูเนสโก
"พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" เป็นสถานที่แนะนำประวัติศาสตร์และภูมิอากาศของพื้นที่แถบนี้โดยมีนามาฮาเกะเป็นหัวข้อจัดแสดงหลัก ที่มุมจัดแสดงเกี่ยวกับนามาฮาเกะ มีการจัดแสดงหน้ากากหลายแบบหลายลายที่ถูกใช้จริงในแต่ละหมู่บ้านมากถึง 150 ชิ้น ส่วนที่ห้องโถงแห่งตำนานมีการแสดงภาพยนตร์เรื่อง "ค่ำคืนหนึ่งของนามาฮาเกะ" ที่มีการแนะนำวัฒนธรรมนามาฮาเกะในวันส่งท้ายปีเก่า
นอกจากจะมีมุมที่คุณสามารถถ่ายรูปที่ระลึกขณะสวมใส่ชุดนามาฮาเกะของจริงได้แล้ว (ปัจจุบันปิดทำการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19) ยังมีมุมจำหน่ายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับนามาฮาเกะอีกด้วย และถ้าหากคุณโชคดี คุณอาจได้ชมช่างแกะสลักนามาฮาเกะทำการสาธิตแกะสลักหน้ากากด้วยมือ (จัดขึ้นเป็นครั้งคราว)
ติดกับ "พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" คือ "พิพิธภัณฑ์ตำนานพื้นบ้านโอะกะชินซัน" ที่ซึ่งสามารถชมการแสดงจริงของนามาฮาเกะ หากมีโอกาส โปรดเดินทางมาเยี่ยมชมทั้งสองแห่งและเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมพื้นบ้านนามาฮาเกะที่ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดยยูเนสโก
วันที่ 3
ศูนย์ถ่ายทอดศิลปะพื้นบ้านชาวอะคิตะ (เนบุรินากาชิคัง)
ประสบการณ์ชมโคมไฟคันโตของจริงขนาดมหึมา
เป็นสถานที่ที่แนะนำงานประเพณีและศิลปะหัตกรรมพื้นบ้านของเมืองอะคิตะ เช่น คันโต อะคิตะมันไซ โดยใช้เอกสารและสื่อวิดีโอในการนำเสนอ ทึ่งไปกับความอลังการของโคมไฟคันโตของจริงขนาดมหึมาที่ตั้งเรียงรายอยู่ในห้องโถงนิทรรศการแบบเพดานสูงโล่ง อีกทั้งยังสามารถเข้าร่วมประสบการณ์การแสดงคันโตโดยถือไว้ที่มือได้ด้วย
อินะนิวะอุด้ง
อินะนิวะอุด้งถือกำเนิดในอินะนิวะโจ เมืองยุซะวะ ขั้นตอนการนวดเส้น, ทุบเส้น, รีดเส้น ทำด้วยมือทุกขั้นตอน จุดเด่นคือความเหนียวนุ่มและความลื่นคอ เป็นหนึ่งในสามอุด้งที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น ในสมัยเอโดะ เคยถูกนำไปมอบให้ผู้ครองแคว้นเป็นบรรณาการ และถูกใช้เป็นของกำนัลเมื่อผู้ครองแคว้นเข้าไปรายงานตัวในเมือง นอกจากเมืองยุซะวะแล้ว ที่อื่นในจังหวัดอะคิตะ เช่น ตัวเมืองอะคิตะ ก็สามารถหาอินะนิวะอุด้งทานได้เช่นกัน
เมืองนิชิคาวะ จังหวัดยามากาตะ ทางเข้าสักการะเดวะซันซัง ทางออกสามทาง ทัวร์ทางหลวง
มีทางเข้าสักการะสามทางที่เดวะซันซังจากเมืองนิชิคาวะ มีศาลเจ้าอยู่ที่ทางเข้าแต่ละแห่ง: ศาลเจ้าอิวาเนซาวะ ซันซังที่ทางออกอิวาเนซาวะ, ศาลเจ้าฮอนโดะเทระกุชิโนมิยะ ยุโดโนะซังที่ฮอนโดเทระกุจิ และศาลเจ้าโออิซาวะ ยุโดโนะซังที่ทางออกโออิซาวะ นอกจากนี้ยังมีถนนที่นำไปสู่พื้นที่เหล่านี้ Rokujurikoshi Kaido ทัวร์ชมทางออกและถนนทั้งสามนี้พร้อมไกด์ การเยี่ยมชมศาลเจ้าทั้งสามแห่งแทนที่จะไปเยี่ยมชมศาลเจ้าแต่ละแห่ง คุณจะได้รับประโยชน์จากศาลเจ้าเหล่านั้นและเพิ่มความสนุกในการสำรวจประวัติศาสตร์เป็นสองเท่า
วัดยะมะเดะระ (วัดโฮจุซังริชชะคุจิ)
วัดโบราณท่ามกลางท้องฟ้าเปิดโล่งซึ่งประพันธ์ออกมาเป็นกลอนชื่อดังโดยนักกวีผู้เลื่องชื่อ
""วัดโฮจุซังริชชะคุจิ"" รู้จักกันในชื่อ ""วัดยะมะเดะระ"" ภูเขาที่เกิดมาจากหินรูปร่างพิสดารแห่งนี้เป็นสถานปฏิบัติธรรมและสถานที่สำหรับสักการะบูชา เส้นทางปีนเขาจากปากทางขึ้นมาถึงไดบุตสึเด็นในโอะคุโนะอินจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และระหว่างทางคุณจะได้เห็นทิวทัศน์ตระการตาตลอดทาง นอกจากนี้ ยังเป็นที่รู้จักจากบทกลอนในบันทึกการเดินทาง ""โอะคุโนะโฮะโสะมิจิ"" ของนักกวีชื่อดังนามว่ามัตสึโอะ บะโช และท่อนที่รู้จักกันดีคือ ""ท่ามกลางความเงียบงัน เสียงจิ้งหรีดร้องดังระงม แทรกซึมลึกหินผา""
การขึ้นบันไดหินทอดยาวถึง 1,015 ขั้นและมุ่งหน้าสู่โอะคุโนะอินเป็นเส้นทางสักการะพื้นฐาน เป็นบันไดหินสำหรับปฏิบัติธรรมเพราะกล่าวกันว่าการขึ้นบันไดหินนี้จะช่วยตัดกิเลสได้ ถึงบอกว่าเป็นการปฏิบัติธรรม แต่ระหว่างทางก็เต็มไปด้วยจุดน่าสนใจมากมายที่มีร่องรอยประวัติศาสตร์อย่างแผ่นศิลาจารึกและจุดที่มีวิวสวยงามตระการตา คุณจึงสามารถที่จะขึ้นบันไดพลางเพลิดเพลินทั้งในด้านสติปัญญาและด้านความรู้สึกได้
อันดับแรกให้มุ่งหน้าไป “คนโปชูโด” ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปากทางขึ้นเขา กล่าวกันว่าเป็นสถาปัตยกรรมไม้บีชเก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นและได้รับการกำหนดเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น “มิดาโฮระ” เป็นพาวเวอร์สปอตที่จะทำให้คนมีความสุขหากพบพระพุทธรูปบนกำแพงหินซึ่งถูกกัดเซาะโดยลมฝน พอผ่าน “นิโอมง (ประตูเทวาพิทักษ์)” ที่มีรูปหล่อนักรบ 2 องค์กำลังเฝ้าจับตาดูเพื่อไม่ให้ผู้มีจิตใจชั่วร้ายผ่านแล้วก็จะพบกับ “ไคซังโด โนเคียวโด” โนเคียวโดสีแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่บนหินหน้าตาประหลาดก้อนยักษ์โดยมีภูเขายิ่งใหญ่อลังการเป็นฉากหลังนั้นเป็นวิวอันโดดเด่นของวัดยะมะเดะระ “โกไดโด” ที่มองเห็นทิวทัศน์ไร่สวนมาจากด้านในอุโบสถอันคล้ายคลึงกับเวทีการแสดงละครโนก็เป็นจุดชมวิวเพียงแห่งเดียวของวัดยะมะเดะระ กล่าวกันว่า “โอะคุโนะอิน ไดบุตสึเด็น” ที่อยู่ปลายทางจะช่วยตัดโชคชะตาชั่วร้ายได้
อย่าลืมมาเพลิดเพลินกับอาหารขึ้นชื่อด้วย เช่น “ยะมะเดะระชิคาระคอนเนียคุ (หัวบุก)” “ซอฟต์ครีมเชอร์รี” และ “ดาชิโซบะ”
การขึ้นบันไดหินทอดยาวถึง 1,015 ขั้นและมุ่งหน้าสู่โอะคุโนะอินเป็นเส้นทางสักการะพื้นฐาน เป็นบันไดหินสำหรับปฏิบัติธรรมเพราะกล่าวกันว่าการขึ้นบันไดหินนี้จะช่วยตัดกิเลสได้ ถึงบอกว่าเป็นการปฏิบัติธรรม แต่ระหว่างทางก็เต็มไปด้วยจุดน่าสนใจมากมายที่มีร่องรอยประวัติศาสตร์อย่างแผ่นศิลาจารึกและจุดที่มีวิวสวยงามตระการตา คุณจึงสามารถที่จะขึ้นบันไดพลางเพลิดเพลินทั้งในด้านสติปัญญาและด้านความรู้สึกได้
อันดับแรกให้มุ่งหน้าไป “คนโปชูโด” ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปากทางขึ้นเขา กล่าวกันว่าเป็นสถาปัตยกรรมไม้บีชเก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นและได้รับการกำหนดเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น “มิดาโฮระ” เป็นพาวเวอร์สปอตที่จะทำให้คนมีความสุขหากพบพระพุทธรูปบนกำแพงหินซึ่งถูกกัดเซาะโดยลมฝน พอผ่าน “นิโอมง (ประตูเทวาพิทักษ์)” ที่มีรูปหล่อนักรบ 2 องค์กำลังเฝ้าจับตาดูเพื่อไม่ให้ผู้มีจิตใจชั่วร้ายผ่านแล้วก็จะพบกับ “ไคซังโด โนเคียวโด” โนเคียวโดสีแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่บนหินหน้าตาประหลาดก้อนยักษ์โดยมีภูเขายิ่งใหญ่อลังการเป็นฉากหลังนั้นเป็นวิวอันโดดเด่นของวัดยะมะเดะระ “โกไดโด” ที่มองเห็นทิวทัศน์ไร่สวนมาจากด้านในอุโบสถอันคล้ายคลึงกับเวทีการแสดงละครโนก็เป็นจุดชมวิวเพียงแห่งเดียวของวัดยะมะเดะระ กล่าวกันว่า “โอะคุโนะอิน ไดบุตสึเด็น” ที่อยู่ปลายทางจะช่วยตัดโชคชะตาชั่วร้ายได้
อย่าลืมมาเพลิดเพลินกับอาหารขึ้นชื่อด้วย เช่น “ยะมะเดะระชิคาระคอนเนียคุ (หัวบุก)” “ซอฟต์ครีมเชอร์รี” และ “ดาชิโซบะ”
สถานียามากาตะ/สนามบินยามากาตะ
จุดหมายปลายทาง