เต็มอิ่มกับธรรมชาติและออนเซ็นของอะโอะโมะริ และอิวะเตะ 3 วัน 2 คืน
เริ่มต้น
วันที่ 1
ทะเลสาบโทวาดะ
ทะเลสาบมหัศจรรย์สีน้ำเงินแสนสวยที่จะสะท้อนทั้งท้องนภาและภูเขาได้ประหนึ่งกระจก
ทะเลสาบโทะวะดะคือทะเลสาบขนาดใหญ่โตที่ให้วิวพาโนรามาแบบเปิดโล่ง ผิวทะเลสาบสงบมีความสวยงามมหัศจรรย์และจะสะท้อนทิวทัศน์รอบข้างได้ดั่งกระจก ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า ใบไม้เขียวขจี หรือใบไม้เปลี่ยนสี
ทะเลสาบโทะวะดะอยู่ในอุทยานของญี่ปุ่นโทะวะดะฮะจิมันไท เป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟบนที่ราบสูงซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาปากปล่องและเป็นต้นน้ำของลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะ มีขนาดกว้างใหญ่และเส้นรอบวงมีขนาดประมาณ 46 กม. จุดลึกที่สุดคือ 327 เมตรซึ่งลึกเป็นอันดับ 3 ในญี่ปุ่น ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟกำเนิดจากการปะทุของภูเขาไฟจนเกิดเป็นหลุมบนพื้นดินและเมื่อวันเวลาผ่านไปน้ำฝนก็ตกลงมาสะสม คุณจึงจะสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของพลังงานและกาลเวลาที่ผันผ่าน แม้ทะเลสาบนี้จะอยู่บนที่สูงในภาคเหนือแต่กลับไม่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว จึงเรียกกันอีกอย่างว่า ""ทะเลสาบมหัศจรรย์""
ละแวกทะเลสาบเต็มไปด้วยป่าธรรมชาติอย่างเช่นต้นบีช ความสวยงามในแต่ละฤดูกาลจะมาสะกดสายตาของคุณ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ที่ออกดอกในฤดูใบไม้ผลิ สีเขียวชอุ่มที่แตกหน่อในฤดูร้อน ใบไม้ที่เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาวที่เปลี่ยนให้กลายเป็นป่าสีเงิน ใบไม้เขียวชอุ่มจะมีช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน ใบไม้เปลี่ยนสีจะมีช่วงกลาง - ปลายเดือนตุลาคม เดือนเมษายน - พฤศจิกายนจะมีเรือแคนูและเรือนำเที่ยวให้ได้เพลิดเพลินกัน ส่วนเดือนมกราคม - มีนาคมจะสามารถใช้สโนว์ชูหรือสโนว์แรมเบลอร์ไปชมเสาน้ำแข็งและน้ำตกแข็งได้
“ศาลเจ้าโทะวะดะ” ตั้งอยู่บนเกาะนะคะยะมะฮังซึ่งยื่นออกไปในทะเลสาบโทะวะดะและเป็นพาวเวอร์สปอตที่สักการะเทพเจ้ามังกร สถานที่แห่งนี้มีตำนานกล่าวขานว่าพระธุดงค์ได้ต่อสู้และมีชัยชนะเหนือมังกร จากนั้นก็แปลงกายเป็นมังกรและได้รับการบูชาในฐานะ “ตัวแทนแห่งมังกรสีคราม”
ไม่ควรพลาดดื่มด่ำกับอาหารปลาแซลมอนแดง และปลาวากาซากิ รวมถึงไวน์ท้องถิ่นกันให้ได้ค่ะ
ทะเลสาบโทะวะดะอยู่ในอุทยานของญี่ปุ่นโทะวะดะฮะจิมันไท เป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟบนที่ราบสูงซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาปากปล่องและเป็นต้นน้ำของลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะ มีขนาดกว้างใหญ่และเส้นรอบวงมีขนาดประมาณ 46 กม. จุดลึกที่สุดคือ 327 เมตรซึ่งลึกเป็นอันดับ 3 ในญี่ปุ่น ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟกำเนิดจากการปะทุของภูเขาไฟจนเกิดเป็นหลุมบนพื้นดินและเมื่อวันเวลาผ่านไปน้ำฝนก็ตกลงมาสะสม คุณจึงจะสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของพลังงานและกาลเวลาที่ผันผ่าน แม้ทะเลสาบนี้จะอยู่บนที่สูงในภาคเหนือแต่กลับไม่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว จึงเรียกกันอีกอย่างว่า ""ทะเลสาบมหัศจรรย์""
ละแวกทะเลสาบเต็มไปด้วยป่าธรรมชาติอย่างเช่นต้นบีช ความสวยงามในแต่ละฤดูกาลจะมาสะกดสายตาของคุณ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ที่ออกดอกในฤดูใบไม้ผลิ สีเขียวชอุ่มที่แตกหน่อในฤดูร้อน ใบไม้ที่เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาวที่เปลี่ยนให้กลายเป็นป่าสีเงิน ใบไม้เขียวชอุ่มจะมีช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน ใบไม้เปลี่ยนสีจะมีช่วงกลาง - ปลายเดือนตุลาคม เดือนเมษายน - พฤศจิกายนจะมีเรือแคนูและเรือนำเที่ยวให้ได้เพลิดเพลินกัน ส่วนเดือนมกราคม - มีนาคมจะสามารถใช้สโนว์ชูหรือสโนว์แรมเบลอร์ไปชมเสาน้ำแข็งและน้ำตกแข็งได้
“ศาลเจ้าโทะวะดะ” ตั้งอยู่บนเกาะนะคะยะมะฮังซึ่งยื่นออกไปในทะเลสาบโทะวะดะและเป็นพาวเวอร์สปอตที่สักการะเทพเจ้ามังกร สถานที่แห่งนี้มีตำนานกล่าวขานว่าพระธุดงค์ได้ต่อสู้และมีชัยชนะเหนือมังกร จากนั้นก็แปลงกายเป็นมังกรและได้รับการบูชาในฐานะ “ตัวแทนแห่งมังกรสีคราม”
ไม่ควรพลาดดื่มด่ำกับอาหารปลาแซลมอนแดง และปลาวากาซากิ รวมถึงไวน์ท้องถิ่นกันให้ได้ค่ะ
แม่น้ำโอะคุอิริเซะซึ่งกระแสภูเขา
เป็นจุดที่มีทัศนียภาพงดงามเพียงแห่งเดียวของโทโฮคุที่ได้รับเลือกจากมิชลิน ทิวทัศน์สวยงามตระการตาทอดยาวเลียบสายน้ำใสสะอาดเย็นสดชื่น!
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังเพียงแห่งเดียวของโทโฮคุที่ได้รับสองดาวในคู่มือมิชลิน กรีนไกด์ ลำธารนี้ยาวประมาณ 14 กม. และไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เห็นทิวทัศน์งดงามทอดยาว จะนั่งรถบัสหรือขับรถวนรอบจุดชมวิวก็ได้ แต่หากมีเวลาและเรี่ยวแรงพอก็แนะนำให้ลองเดินเที่ยวเล่น เมื่อเดินเล่นไปตามเส้นทางหรืออุโมงค์ที่เขียวชอุ่มตามธรรมชาติ คุณก็จะดื่มด่ำสัมผัสความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นอากาศบริสุทธิ์ในป่า ผิวน้ำที่ส่องประกายจากแดดที่ลอดผ่านแมกไม้ สายน้ำหลากหลายหน้าตา หรือความน่ารักของใบไม้และต้นมอส เป็นต้น
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพนั้น เราขอแนะนำให้เดินเล่นจากปลายน้ำไปถึงต้นน้ำ แสงตอนถ่ายจากด้านล่างขึ้นไปจะช่วยให้ภาพออกมาสวยงามและความสูงต่ำก็ไม่ได้ทำให้เดินยากลำบากมากนัก เส้นทางเดินป่าดังต่อไปนี้จะใช้เวลาวนทั้งหมดประมาณ 4 ชม. โดยเริ่มจากจุดขึ้นลงเรือนำเที่ยวริมทะเลสาบโทะวะดะ (ป้ายรถบัส “เนโนะกุจิ”) ไปสิ้นสุดที่ป้ายรถบัส “ยาเคะยามะ” ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะ เนโนะกุจิ→(20 นาที)→น้ำตกโชชิโอทาคิ→(50 นาที)→คุโมอิโนะนางาเระ→(30 นาที)→คุโมะอิโนะทาคิ→(30 นาที)→มาคาโดะอิวะ→(15 นาที)→อิชิเงะโดะ→(70 นาที)→ยาเคะยามะ
ฤดูกาลดีที่สุดคือ ช่วงใบไม้เขียวชอุ่มในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม - กลางเดือนมิถุนายน แต่ช่วงกลางถึงปลายเดือนตุลาคมที่มีใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ช่วงฤดูท่องเที่ยวจึงอาจจะมีการจราจรติดขัดได้ การเดินเล่นในช่วงเช้าตรู่นอกจากจะช่วยหลบเลี่ยงความแออัดคับคั่งแล้ว ยังอาจจะทำให้คุณได้เห็นภาพน่าอัศจรรย์จากแสงแดดที่สาดส่องลอดแมกไม้ลงมากระทบกับหมอกจางๆ ยามเช้าด้วยก็เป็นได้
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพนั้น เราขอแนะนำให้เดินเล่นจากปลายน้ำไปถึงต้นน้ำ แสงตอนถ่ายจากด้านล่างขึ้นไปจะช่วยให้ภาพออกมาสวยงามและความสูงต่ำก็ไม่ได้ทำให้เดินยากลำบากมากนัก เส้นทางเดินป่าดังต่อไปนี้จะใช้เวลาวนทั้งหมดประมาณ 4 ชม. โดยเริ่มจากจุดขึ้นลงเรือนำเที่ยวริมทะเลสาบโทะวะดะ (ป้ายรถบัส “เนโนะกุจิ”) ไปสิ้นสุดที่ป้ายรถบัส “ยาเคะยามะ” ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะ เนโนะกุจิ→(20 นาที)→น้ำตกโชชิโอทาคิ→(50 นาที)→คุโมอิโนะนางาเระ→(30 นาที)→คุโมะอิโนะทาคิ→(30 นาที)→มาคาโดะอิวะ→(15 นาที)→อิชิเงะโดะ→(70 นาที)→ยาเคะยามะ
ฤดูกาลดีที่สุดคือ ช่วงใบไม้เขียวชอุ่มในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม - กลางเดือนมิถุนายน แต่ช่วงกลางถึงปลายเดือนตุลาคมที่มีใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ช่วงฤดูท่องเที่ยวจึงอาจจะมีการจราจรติดขัดได้ การเดินเล่นในช่วงเช้าตรู่นอกจากจะช่วยหลบเลี่ยงความแออัดคับคั่งแล้ว ยังอาจจะทำให้คุณได้เห็นภาพน่าอัศจรรย์จากแสงแดดที่สาดส่องลอดแมกไม้ลงมากระทบกับหมอกจางๆ ยามเช้าด้วยก็เป็นได้
หยุดที่รีสอร์ทน้ำพุร้อนในฮักโกดะ
Sukayu Onsen ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโทะวะดะ ฮะจิมันไต มีผู้ที่แสวงหาวิธีการรักษาโรคด้วยการแช่ออนเซ็นมากมายมาที่นี่ตั้งแต่สมัยโบราณ และเนื่องด้วย น้ำพุร้อนปริมาณมากและสรรพคุณที่เป็นเลิศ, ห้องแช่ที่กว้างขวาง, สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่บริสุทธิ์, การคมนาคมสะดวก, ราคาถูก ฯลฯ Sukayu Onsen จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรีสอร์ทน้ำพุร้อนอันดับ 1 ของญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954 ที่นี่มี Hiba Sennin Buro หรือโรงแช่น้ำทำจากไม้สนไซปรัสขนาดพันคนอาบที่มีชื่อเสียง มีขนาด 160 เสื่อทาทามิ (ประมาณ 300 ตรม.) และเป็นที่ ๆยังคงรักษาวัฒนธรรมการอาบน้ำรวมชายหญิงอยู่จนถึงทุกวันนี้ (มีเวลาเฉพาะผู้หญิงในตอนเช้าและเย็น) มีห้องต่างๆ ตั้งแต่ห้องน้ำพุร้อนบำบัดที่หรูหราไปจนถึงห้องสไตล์ตะวันตกพร้อมเตียง เพื่อให้คุณสามารถสามารถผ่อนคลายและบำบัดความเหนื่อยล้าในแต่ละวันได้
วันที่ 2
Hakkoda Ropeway
ความสวยงามตระการตาของวิวธรรมชาติผืนใหญ่และตื่นตาตื่นใจไปกับการชมทิวทัศน์ภูเขาลูกใหญ่โตมโหฬาร
เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของภูเขาฮัคโคดะ (เทือกเขาฮัคโคดะ) ได้ด้วยกระเช้าลอยฟ้าภูเขาฮัคโคดะ คุณจะสนุกไปกับวิวงดงามที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นใบไม้เชียวชอุ่มในฤดูใบไม้ผลิ พืชอัลไพน์ในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และต้นไม้น้ำแข็งในฤดูหนาว ใบไม้จะเขียวขจีช่วงกลางเดือนพฤษภาคม สกีฤดูร้อนจะเล่นได้ในเดือนสิงหาคม ใบไม้จะเปลี่ยนสีช่วงปลายเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม สกีฤดูหนาวจะเล่นได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ต้นไม้น้ำแข็งจะมีในช่วงเดือนมกราคมถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ภูเขาฮัคโคดะจึงเป็นสถานที่ที่มีอะไรให้เที่ยวตลอดปี
ไม่เพียงแค่เทือกเขาเท่านั้น แต่ในวันที่อากาศแจ่มใสยังจะมองเห็นตัวเมืองอะโอะโมะริ อ่าวมุตสึ แหลมสึกะรุ แหลมชิโมะคิตะ และเขาอิวะคิ ฯลฯ ด้วย
เปิดให้บริการตลอดทั้งปี ใช้เวลาเที่ยวละประมาณ 10 นาทีและจะไปถึงสถานีสวนบนยอดเขาทาโมยัตสึ พื้นที่ทั้งหมดมีสระน้ำและหนองน้ำกระจัดกระจายไปตามจุดต่างๆ และเป็นคลังสมบัติขนาดใหญ่ของพืชอัลไพน์ มีหลายเส้นทางเดินเขาให้เลือกตามความชอบ ตั้งแต่เส้นทางเดินเล่นประมาณ 30 นาทีที่จะได้สนุกสนานแบบสบายๆ ไปจนถึงเส้นทางปีนเขาที่ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
แล้วมาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินเล่นที่ “ซุคายุ” อันเป็นน้ำพุร้อนที่มีประวัติศาสตร์ 300 ปี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาทีจากสถานีสวนบนยอดเขาไปจนถึงซุคายุด้วย “เส้นทางเคนาชิพาราไดซ์ไลน์” และใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ด้วย “เส้นทางปีนเขาโอตาเกะ” (ทั้งสองเป็นเส้นทางปีนเขาทั่วไปและต้องสวมรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าสำหรับปีนเขา)
ไม่เพียงแค่เทือกเขาเท่านั้น แต่ในวันที่อากาศแจ่มใสยังจะมองเห็นตัวเมืองอะโอะโมะริ อ่าวมุตสึ แหลมสึกะรุ แหลมชิโมะคิตะ และเขาอิวะคิ ฯลฯ ด้วย
เปิดให้บริการตลอดทั้งปี ใช้เวลาเที่ยวละประมาณ 10 นาทีและจะไปถึงสถานีสวนบนยอดเขาทาโมยัตสึ พื้นที่ทั้งหมดมีสระน้ำและหนองน้ำกระจัดกระจายไปตามจุดต่างๆ และเป็นคลังสมบัติขนาดใหญ่ของพืชอัลไพน์ มีหลายเส้นทางเดินเขาให้เลือกตามความชอบ ตั้งแต่เส้นทางเดินเล่นประมาณ 30 นาทีที่จะได้สนุกสนานแบบสบายๆ ไปจนถึงเส้นทางปีนเขาที่ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
แล้วมาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินเล่นที่ “ซุคายุ” อันเป็นน้ำพุร้อนที่มีประวัติศาสตร์ 300 ปี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาทีจากสถานีสวนบนยอดเขาไปจนถึงซุคายุด้วย “เส้นทางเคนาชิพาราไดซ์ไลน์” และใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ด้วย “เส้นทางปีนเขาโอตาเกะ” (ทั้งสองเป็นเส้นทางปีนเขาทั่วไปและต้องสวมรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าสำหรับปีนเขา)
ซากปรักหักพังซันไน มารุยามะเป็นหนึ่งในซากปรักหักพังที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น นับตั้งแต่ยุคโจมงตอนต้นถึงกลาง โบราณวัตถุที่ต้องใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น รูปปั้นดินเผาที่มีลักษณะคล้ายจาน เสาไม้ขนาดยักษ์ และการทาสีลงรัก ถูกขุดพบ และในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ก็ถูกกำหนดให้เป็นโบราณสถานพิเศษระดับชาติ นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 "ซากปรักหักพังโจมงในฮอกไกโดและโทโฮคุตอนเหนือ" รวมถึงซากปรักหักพังซันไน มารุยามะ ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่โจมน จิยูคัง สิ่งของที่ขุดพบจะถูกจัดแสดงในห้องนิทรรศการถาวร ``พิพิธภัณฑ์ซันมารุ'' วิดีโอแนะนำซากปรักหักพังจะแสดงที่โรงละครโจมง และในเวิร์คช็อปสัมผัสประสบการณ์ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์สร้างสิ่งต่างๆ (สำหรับรายละเอียด โปรดดูที่ ``ซันมารุ พิพิธภัณฑ์'') โปรดตรวจสอบเวิร์คช็อปประสบการณ์ซากปรักหักพัง Uchimaruyama)นอกจากนี้ ไกด์อาสาสมัครยังจัดทัวร์ชมซากปรักหักพังอีกด้วย
ฮานามาคิออนเซ็น
ออนเซ็นจำนวนมากที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และอยู่ท่ามกลางแม่น้ำและภูเขา
เมืองออนเซ็นฮะนะมะคิมีออนเซ็นทั้งหมด 12 แห่ง และเป็นออนเซ็นรีสอร์ตที่สามารถเพลิดเพลินกับออนเซ็นได้หลากหลายแบบ มีออนเซ็นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์อยู่มาก เช่น บ่อแช่น้ำกลางแจ้งที่มองเห็นวิวริมธารน้ำหรือที่พักบรรยากาศเงียบสงบ ทั้งยังมี ""ไดออนเซ็น"" แสนผ่อนคลายในบรรยากาศแบบเก่าๆ และ ”โอซะวะออนเซ็น"" ซึ่งให้อารมณ์แบบออนเซ็นแท้ๆ โดยเสน่ห์อยู่ตรงมีบ่อแช่น้ำกลางแจ้งและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เป็นต้น การลองเปรียบเทียบจุดเด่นของแต่ละที่ดูก็น่าสนุกไม่น้อยเลย
ฮะนะมะคิเป็นบ้านเกิดสุดรักของนักกวีและนักแต่งนิทานชื่อมิยะซะวะ เค็นจิ จึงมีสถานที่เกี่ยวข้องอยู่มากมาย สวนกุหลาบที่ตั้งอยู่ใน “ฮะนะมะคิออนเซ็น” นั้นมีดอกกุหลาบกว่า 450 สายพันธุ์บานสะพรั่งอยู่ในบริเวณกว้างขวางถึง 5,000 เฮกเตอร์ (50 ตารางกิโลเมตร) สีสันที่แตกต่างกันในแต่ละฤดูกาลจะช่วยทำให้คนที่มาเยือนรู้สึกสนุกสนาน ทั้งยังมีนาฬิกาแดดที่ออกแบบโดยมิยะซะวะ เค็นจิด้วย แม่น้ำไดกาวะที่ไหลผ่านฮะนะมะคิออนเซ็นมี “น้ำตกคามาบุจิโนะทาคิ” และถนนบริเวณรอบข้างก็เหมาะกับการเดินเล่น จึงไม่ควรลืมมาสนุกสนานกับเวลาไหลเอื่อยระหว่างฟังเสียงน้ำใสสะอาดได้ที่นี่
ละแวกรอบๆ มี “พิพิธภัณฑ์มิยะซะวะ เค็นจิ” และ “หมู่บ้านนิทานมิยะซะวะ เค็นจิ” เป็นต้น ทั้งยังมีอนุสรณ์สถานของนักกวีชื่อทาคามูระ โคทาโรผู้รักฮะนะมะคิไม่แพ้มิยะซะวะ เค็นจิ
เป็นบริเวณที่สามารถนั่งรถยนต์จากสถานที่ท่องเที่ยวอย่างวัดจูซนจิและเก็นบิเคอิไปได้ภายในเวลาประมาณ 1 ชม. จึงแนะนำให้มาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางด้วยน้ำพุร้อนหลังสนุกสนานกับการท่องเที่ยวเสร็จแล้ว
ฮะนะมะคิเป็นบ้านเกิดสุดรักของนักกวีและนักแต่งนิทานชื่อมิยะซะวะ เค็นจิ จึงมีสถานที่เกี่ยวข้องอยู่มากมาย สวนกุหลาบที่ตั้งอยู่ใน “ฮะนะมะคิออนเซ็น” นั้นมีดอกกุหลาบกว่า 450 สายพันธุ์บานสะพรั่งอยู่ในบริเวณกว้างขวางถึง 5,000 เฮกเตอร์ (50 ตารางกิโลเมตร) สีสันที่แตกต่างกันในแต่ละฤดูกาลจะช่วยทำให้คนที่มาเยือนรู้สึกสนุกสนาน ทั้งยังมีนาฬิกาแดดที่ออกแบบโดยมิยะซะวะ เค็นจิด้วย แม่น้ำไดกาวะที่ไหลผ่านฮะนะมะคิออนเซ็นมี “น้ำตกคามาบุจิโนะทาคิ” และถนนบริเวณรอบข้างก็เหมาะกับการเดินเล่น จึงไม่ควรลืมมาสนุกสนานกับเวลาไหลเอื่อยระหว่างฟังเสียงน้ำใสสะอาดได้ที่นี่
ละแวกรอบๆ มี “พิพิธภัณฑ์มิยะซะวะ เค็นจิ” และ “หมู่บ้านนิทานมิยะซะวะ เค็นจิ” เป็นต้น ทั้งยังมีอนุสรณ์สถานของนักกวีชื่อทาคามูระ โคทาโรผู้รักฮะนะมะคิไม่แพ้มิยะซะวะ เค็นจิ
เป็นบริเวณที่สามารถนั่งรถยนต์จากสถานที่ท่องเที่ยวอย่างวัดจูซนจิและเก็นบิเคอิไปได้ภายในเวลาประมาณ 1 ชม. จึงแนะนำให้มาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางด้วยน้ำพุร้อนหลังสนุกสนานกับการท่องเที่ยวเสร็จแล้ว
วันที่ 3
ทานอาหารกลางวันแถวรถไฟ JR สถานี Ichinoseki
วัฒนธรรมทานโมจิของอิจิโนะเซะคิ
แถบเมืองอิจิโนะเซะคิ จังหวัดอิวะเตะสามารถเก็บเกี่ยวข้าวเหนียวคุณภาพดีได้ ทำให้เกิด "วัฒนธรรมทานโมจิ" มาตั้งแต่สมัยเอโดะ ว่ากันว่าที่นี่มีเมนูโมจิมากกว่า 300 เมนู ยกตัวอย่างเช่น "โมจิฮงเซน" เมนูที่มาจากวัฒนธรรมการกินของซามูไรในแคว้นดะเตะ โมจิที่นี่มีรสหลากหลาย ไม่ได้มีแต่โมจิรสหวานอย่างโมจิไส้ถั่วแดงหรือไส้ถั่วแระเท่านั้น แต่ยังมีโมจิไส้คาวอย่างกุ้งหรือเห็ดชิอิตะเคะ และโมจิที่ฟิวชั่นกับอาหารตะวันตกด้วย
ค้นหาร้านอาหาร
ค้นหาร้านอาหาร
เกอิบิเค
หุบเขาที่มีวิวดั่งภาพวาดทิวทัศน์สไตล์ซันซุย
หุบเขาเกอิบิเคอิได้รับเลือกเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ อนุสาวรีย์ธรรมชาติ และจุดทิวทัศน์สวยของญี่ปุ่น รวมถึงเป็นหนึ่งในร้อยอันดับทิวทัศน์ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นด้วย หุบเขาแห่งนี้มีกำแพงหินสูงกว่า 50 เมตรขนาบข้างแม่น้ำสะเท็ตสึเป็นระยะทางถึง 2 กม.
ที่นี่เป็นที่เดียวในญี่ปุ่นที่มีการล่องเรือไปกลับตามแม่น้ำโดยใช้ไม้แท่งเดียว เพลง ""เกอิบิโอะอิวะเคะ"" ที่คนพายเรือขับร้องจะประสานไปกับเสียงน้ำไหล จนเสียงที่เพราะจับใจจะมาสะกดให้คุณต้องหลงใหล ในแม่น้ำใสแจ๋วมีเหล่าปลาแหวกว่ายอยู่อย่างสวยงามและสามารถให้อาหารจากเรือได้ จุดน่าสนใจอีกอย่างคือสามารถนั่งเรือพร้อมกับสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวได้
หลังจากขึ้นไปถึงต้นน้ำก็จะมีเวลาขึ้นฝั่งก่อนหันเรือกลับ คุณจะได้เห็นหินอันเป็นที่มาของชื่อหุบเขาเกอิบิเคอิอย่าง “ชิชิกาฮานะ” รวมถึงจุดขึ้นชื่อที่จะให้โยน “หินนำโชค” ลงในรูตรงหน้าผา หากโยนเข้ารูความปรารถนาของคุณอาจจะเป็นจริงก็ได้นะ อย่าลืมลองมาเสี่ยงดวงกันให้ได้
สถานที่แห่งนี้มีทิวทัศน์งดงามตลอดทุกฤดู ขึ้นชื่อในฐานะเป็นจุดชมดอกวิสทีเรียสวยๆ ในช่วงใบไม้เขียวชอุ่มกับใบไม้เปลี่ยนสีจะมีเรือพร้อมที่นั่งดื่มชาให้บริการ สามารถทานอาหารหม้อไฟพลางชื่นชมวิวหิมะได้บน “เรือโคทัตสึ” ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมฉะนั้นคาดการณ์ว่าในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะมีคนมากันพลุกพล่านเป็นพิเศษ จึงขอแนะนำให้ไปช่วงเช้าตรู่
“หุบเขาเก็นบิเคอิ” ที่อยู่ในเมืองเดียวกันก็ห่างออกไปประมาณ 40 นาที ดังนั้นแนะนำให้ลองไปเยือนในคราวเดียวกัน
ที่นี่เป็นที่เดียวในญี่ปุ่นที่มีการล่องเรือไปกลับตามแม่น้ำโดยใช้ไม้แท่งเดียว เพลง ""เกอิบิโอะอิวะเคะ"" ที่คนพายเรือขับร้องจะประสานไปกับเสียงน้ำไหล จนเสียงที่เพราะจับใจจะมาสะกดให้คุณต้องหลงใหล ในแม่น้ำใสแจ๋วมีเหล่าปลาแหวกว่ายอยู่อย่างสวยงามและสามารถให้อาหารจากเรือได้ จุดน่าสนใจอีกอย่างคือสามารถนั่งเรือพร้อมกับสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวได้
หลังจากขึ้นไปถึงต้นน้ำก็จะมีเวลาขึ้นฝั่งก่อนหันเรือกลับ คุณจะได้เห็นหินอันเป็นที่มาของชื่อหุบเขาเกอิบิเคอิอย่าง “ชิชิกาฮานะ” รวมถึงจุดขึ้นชื่อที่จะให้โยน “หินนำโชค” ลงในรูตรงหน้าผา หากโยนเข้ารูความปรารถนาของคุณอาจจะเป็นจริงก็ได้นะ อย่าลืมลองมาเสี่ยงดวงกันให้ได้
สถานที่แห่งนี้มีทิวทัศน์งดงามตลอดทุกฤดู ขึ้นชื่อในฐานะเป็นจุดชมดอกวิสทีเรียสวยๆ ในช่วงใบไม้เขียวชอุ่มกับใบไม้เปลี่ยนสีจะมีเรือพร้อมที่นั่งดื่มชาให้บริการ สามารถทานอาหารหม้อไฟพลางชื่นชมวิวหิมะได้บน “เรือโคทัตสึ” ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมฉะนั้นคาดการณ์ว่าในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะมีคนมากันพลุกพล่านเป็นพิเศษ จึงขอแนะนำให้ไปช่วงเช้าตรู่
“หุบเขาเก็นบิเคอิ” ที่อยู่ในเมืองเดียวกันก็ห่างออกไปประมาณ 40 นาที ดังนั้นแนะนำให้ลองไปเยือนในคราวเดียวกัน
จุดหมายปลายทาง