บ่อน้ำพุร้อนลึกลับตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาในเขตอุทยานแห่งชาติโทวาดะ-ฮาจิมันไตแหล่งของป่าต้นบีชดึกดำบรรพ์ มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศในฐานะออนเซ็นลับ ในหมู่บ้านมีบ่อน้ำพุร้อนพร้อมที่พักอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 แห่ง แต่ละแห่งไหลมาจากแหล่งต้นน้ำที่แตกต่างกัน รวมถึงคุณภาพ ตลอดจนสีสัน และความงามในวิถีชนบทของแต่ละแห่งก็แตกต่างกันด้วย

นักท่องเที่ยวที่มาพักยังหมู่บ้านออนเซ็นนิวโต มีสิทธ์ซื้อ "ยูเมะกุริโจ" พาสสำหรับใช้ขึ้นรถบัสสาย "ยูเมะกุริ" และลงแช่ในบ่อน้ำพุร้อนในที่พักทั้ง 7 แห่งได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เพลิดเพลินกับการตระเวณเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนที่ไม่เหมือนใครได้อย่างเต็มที่

"ทสึรุโนะยุออนเซ็น" ในอดีตเคยเป็นออนเซ็นสำหรับขุนนางสูงศักดิ์ของอะคิตะ ว่ากันว่าเป็นออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในหมู่บ้าน มีอาคาร"ฮงจิน" ที่เป็นอาคารหลังยาวหลังคามุงด้วยฟางอายุกว่า 100 ปี บรรยากาศย้อนยุค ไฮไลท์ของที่นี่อยู่ที่บ่ออาบน้ำแบบเปิดโล่งเต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นราวกับน้ำนม และยังห้อมล้อมไปด้วยแหล่งต้นน้ำ 4 จุดได้แก่ คุโระยุ, ชิโระยุ, นะคะยุ, ทะคิยุ มีบ่อกลางแจ้งที่สร้างขึ้นด้วยความพิถีพิถัน บ่อในร่มที่ใช้น้ำจากชิโระยุ เพลิดเพลินในบ่อออนเซ็นหลายหลากแบบได้ในที่เดียว

นอกจากทสึรุโนะยุแล้ว ในหมูบ้านออนเซ็นนิวโตยังมีบ่อน้ำพุร้อนคุณภาพดีอีกหลายแห่ง เช่น “ทาเอะโนะยุ ” ออนเซ็นตกแต่งสไตล์โมเดิร์นทันสมัยภายใต้บรรยากาศของบ่อน้ำพุร้อนลับ “คุโระยุออนเซ็น” ซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ ในป่าและควันจากบ่อน้ำพุร้อน เป็นต้น

หมู่บ้านออนเซ็นฮะนะมะคิ ประกอบไปด้วยบ่อน้ำพุร้อน 12 แห่ง เช่น ฮะนะมะคิออนเซ็น, ชิโดไดระออนเซ็น และนะมะริออนเซ็น ในแต่ละแห่งก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ที่พักก็มีหลายแบบให้เลือก ตั้งแต่โรงแรมสไตล์รีสอร์ทไปจนถึงที่พักแบบบ้านเดี่ยวธรรมดา หรือจะเป็นที่พักออนเซ็นเพื่อสุขภาพที่เป็นที่ชื่นชอบของกวีนักแต่งนิทานชื่อดัง มิยะซะวะ เคนจิ เรียกว่าตอบสนองได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย

ฮานามากิออนเซ็นมีโรงแรมและเรียวกัง 4 แห่งเชื่อมต่อกัน และเป็นที่ตั้งของสวนกุหลาบโรงแรมฮะนะมะคิ บนพื้นที่กว่า 16,000 ตร.ม. มีดอกกุหลาบอยู่ประมาณ 450 สายพันธุ์ รวมทั้งหมดกว่า 6,000 ต้น สลับกันออกดอกบานสะพรั่งตลอดทั้ง 4 ฤดูกาล การได้พักผ่อนในสไตล์รีสอร์ทที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์คือเสน่ห์ของหมู่บ้านฮะนะมะคิออนเซ็นแห่งนี้

นะมะริออนเซ็น มีบ่อน้ำพุร้อนชิโระซารุ (บ่อลิงขาว) เป็นบ่อน้ำพุร้อนแบบยืนแช่ที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น สร้างโดยการเจาะชั้นหินธรรมชาติลงไป ความลึกประมาณ 1.25 เมตร ถ้าเป็นคนที่รูปร่างเล็กลงไป เมื่อลงไปยืนน้ำก็เกือบจะท่วมมิดบ่าเลยทีเดียว

ที่ก้นบ่อเป็นจุดต้นน้ำที่น้ำไหลออกมา เป็นน้ำพุร้อนจากธรรมชาติ 100% ใสสะอาดไม่มีสี และมีฟองละเอียดขนาดเล็กจนแทบจะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เป็นที่รู้จักในฐานะน้ำพุร้อนล้ำค่าที่ไหลอยู่ใต้ฝ่าเท้า ถึงแม้จะเป็นบ่อรวมชายหญิง แต่ด้วยความที่น้ำในบ่อนั้นใสมาก จึงมีการจัดช่วงเวลาพิเศษจำกัดให้เฉพาะผู้หญิงได้เข้าใช้ สาว ๆ ที่เขินอายก็สามารถเลี่ยงมาใช้ในช่วงเวลาดังกล่าวได้

บ่อน้ำพุร้อนของที่นี่มีอายุมากกว่า 1,500 ปี เป็นสถานที่โปรดของตระกูลดาเตะ เจ้าเมืองผู้ครองแคว้นเซนไดหลายต่อหลายรุ่น รวมถึง ดาเตะ มาซามุเนะ ด้วย เป็นรู้จักในฐานะ 1 ใน 3 สุดยอดออนเซ็นของญี่ปุ่น ร่วมกับเบชโชออนเซ็นและโนะซะวะออนเซ็นในจังหวัดนะกะโนะ

เสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่คือการเดินทางสะดวกที่สะดวกสบาย สามารถนั่งรถยนต์จากใจกลางเมืองเซนไดใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที รอบหมู่บ้านออนเซ็นมีหุบเขาไรไรเคียว สองฝั่งของหุบเขาเป็นหินขรุขระ ระยะทางยาวประมาณ 1 กิโลเมตร สามารถเพลิดเพลินกับการเดินชมวิวทิศทัศน์ของน้ำตกและหินขนาดใหญ่รูปร่างแปลกตา และยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมท่องเที่ยวให้ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ เช่น การทำตุ๊กตาไม้โคเคชิ, พิพิธภัณฑ์กล้องคาเลโดสโคปเซนได, เวิคชอปทำแก้ว, คาเฟ่ที่ปรับปรุงมาจากบ้านเก่า, ไร่องุ่น เป็นต้น

น้ำในบ่อน้ำพุร้อนของหมู่บ้านออนเซ็นอะคิอุเป็นสีใส ไร้กลิ่น มีคุณสมบัติช่วยบำรุงให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น และยังมีส่วนผสมของเกลือใกล้เคียงกับน้ำทะเล ซึ่งเกลือนี้จะเคลือบผิวเอาไว้ช่วยยับยั้งการระเหยของเหงื่อ ทำให้ร่างกายยังคงอบอุ่นแม้ขึ้นจากบ่อน้ำแล้วก็ตาม และยังมีประสิทธิภาพในการกักเก็บความร้อนและทำให้อุณหภูมิของน้ำลดช้าลงด้วย

ที่พักในหมู่บ้านออนเซ็นส่วนใหญ่มีแพคเกจสำหรับลูกค้าแบบไปกลับ รวมถึงจุดสำหรับแช่เท้าและโรงอาบน้ำสาธารณะให้บริการอยู่หลายแห่ง จากใจกลางเมืองเซนไดมีรถบัสประจำทางวิ่งตรงถึงหมู่บ้านออนเซ็น จึงเหมาะที่จะเป็นจุดแวะเที่ยวแนะนำอีกแห่งหนึ่งหากมาเที่ยวยังเซนได

ในเมืองกิงซันออนเซ็น มีกลุ่มของเรียวกังที่มีลักษณะเป็นอาคารไม้สไตล์ญี่ปุ่นผสมผสานกับแนวตะวันตก สร้างขึ้นในสมัยไทโชจนถึงโชวะ ตั้งเรียงรายตลอด 2 ฝั่งของแม่น้ำกิงซัน ภายในเมืองไม่มีสายไฟและถนนให้รถผ่าน มีเพียงถนนคนเดิน แม่น้ำ และทิวทัศน์ของอาคารไม้ที่คงไว้ซึ่งความเก่าแก่ในสมัยไทโช บรรยากาศโดยรอบให้ความรู้สึกเหมือนกับได้ย้อนยุคกลับไปในสมัยนั้น

เมื่อเวลาพลบค่ำมาเยือน บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำและถนนคนเดินที่ปูด้วยกระเบื้องหินจะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟสีเหลืองนวลจากตะเกียงแก๊สโบราณ สวยงามราวกับอยู่ในฉากหนังย้อนยุคที่พาเราหลุดเข้าไปในบรรยากาศเก่า ๆ ในสมัยไทโช 

การเดินเล่นชมเมืองออนเซ็นที่รายล้อมไปด้วยบรรยากาศย้อนยุคนั้น ถือเป็นสิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อได้มาเยือนกิงซันออนเซ็นแห่งนี้ 

นอกจากนี้ยังสามารถพบเห็นงานประติมากรรมปูนปั้นภาพนูนต่ำ "โคเทเอะ" ผลงานของช่างฝีมือได้ที่ป้ายหรือกำแพงของเรียวกังและร้านค้าหลายแห่งในเมืองกิงซันออนเซ็น

สองฝั่งของถนนที่ปูด้วยกระเบื้องหินคึกคักไปด้วยร้านรวงต่าง ๆ ทั้งคาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก และบ่อออนเซ็นสำหรับแช่เท้า หรือถ้าอยากได้บรรยากาศย้อนยุคแบบเต็มตัว สามารถเลือกหาร้านเช่าชุดกิโมโน หรือฮากามะใส่เดินเล่นในเมืองก็น่าสนใจไม่น้อย

คุณก็สามารถมาสัมผัสกับบ่อน้ำพุร้อนที่มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ได้แล้ว ฮิกะชิยะมะออนเซ็นเป็นเมืองเก่ามีประวัติศาสตร์ยาวนาน กล่าวกันว่าถูกค้นพบเมื่อประมาณ 1300 ปีก่อนโดยนักบวชชื่อดังนามว่าเกียวคิผู้สร้างพระใหญ่แห่งวัดโทไดจิ ในจังหวัดนาระ นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในฐานะบ่อน้ำพุร้อนที่เป็นที่ชื่นชอบของบุคคลในประวัติศาสตร์ของเมืองไอซุวะคะมัตสึ  

เช่น ฮิจิคะตะ โทชิโซ หนึ่งในกลุ่ม "ชินเซ็นกุมิ" กลุ่มตำรวจซามูไรพวกสุดท้ายที่ต่อสู้เพื่อปกป้องรัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ, อิโต ฮิโรบูมิ นักการเมืองและรัฐบุรุษชาวญี่ปุ่นในยุคเมจิ, และโยซาโนะ อากิโกะ  นักกวีและนักคตินิยมสิทธิสตรียุคเมจิตอนปลายจนถึงโชวะตอนต้น เป็นต้น

น้ำพุร้อนของที่มีมีส่วนผสมของซัลเฟต กล่าวกันว่ามีผลในการป้องกันโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรควัยหมดประจำเดือน และความดันโลหิตสูง มีลักษณะเด่นอยู่ที่มีความลื่นเมื่อถูกผิว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ที่พักหลายแห่งเปิดให้นักท่องเที่ยวแบบไปกลับเข้าใช้บ่อออนเซ็นได้ แนะนำให้เที่ยวชมเมืองไอซุวะคะมัตสึก่อนแล้วค่อยแวะมาเที่ยวต่อที่นี่ก็เป็นทางเลือกที่ดี

บริเวณริมธารน้ำพุร้อนที่ไหลผ่านน้ำตกน้อยใหญ่มีเรียวกังกว่า 20 หลังตั้งเรียงรายอยู่ ซึ่งจะต้องเดินเข้าไปในตรอกแคบ ๆ ก่อนถึงจะได้พบกับบรรยากาศเมืองออนเซ็นริมน้ำ

"มุไคทากิ" คือเรียวกังเก่าแก่ ในอดีตเคยเป็นสถานพักฟื้นของผู้ปกครองแห่งแคว้นไอซุ และถือเป็นเรียวกังแห่งแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ในระดับชาติ ลักษณะเป็นอาคารไม้ก่อสร้างในรูปแบบ "ซุคิยะ-ทสึคุริ" หนึ่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่อยู่อาศัยแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น สามารถมองเห็นความโอ่อ่าหรูหราของตัวอาคารได้จากฝั่งตรงข้ามของลำธารน้ำพุร้อน จุดชมวิวที่กลายเป็นสัญลักณษ์ของฮิกะชิยะมะออนเซ็น