ภูเขาเตี้ยๆ ความสูง 314 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลที่มองเห็นเมืองรอบปราสาทอย่างเมืองไอซุวะคะมัตสึได้แบบสุดลูกหูลูกตา สามารถไปถึงยอดเขาโดยขึ้นบันได 183 ขั้นได้ แต่หากใช้บริการทางเลื่อนก็จะสามารถไปถึงยอดเขาได้ง่ายยิ่งขึ้น
“สุสาน 19 หน่วยพยัคฆ์ขาว” บนภูเขาอีโมริจะคอยเล่าขานให้ปัจจุบันได้ทราบถึงโศกนาฏกรรมสงครามไอซุอันเป็นสงครามจำกัดขอบเขตในช่วงสงครามโบชินซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 1868 หน่วยพยัคฆ์ขาวเป็นกองทหารของเด็กหนุ่มวัย 10-19 ปีในแคว้นไอซุ พวกเขาเห็นปราสาทสึรุกะปกคลุมไปด้วยควันโขมงจากภูเขาอีโมริจนนึกว่าปราสาทเกิดไฟไหม้ จึงปลิดชีพของตนเองเพื่อเจ้านาย แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ยังสามารถมองเห็นปราสาทสึรุกะได้จาก “จุดที่หน่วยพยัคฆ์ขาวปลิดชีพตนเองด้วยดาบ” ได้ และมีผู้คนมากมายมาเยือนเพื่อเซ่นไหว้ดวงวิญญาณเพราะนึกถึงเหล่านักรบที่จากโลกนี้ไปตั้งแต่อายุยังน้อย สุสานของอีนุมะ ซาดาคิจิที่เหลือชีวิตรอดเพียงคนเดียวและเป็นผู้ถ่ายทอดโศกนาฏกรรมของหน่วยพยัคฆ์ขาวในภายหลังก็อยู่ในจุดที่ห่างออกไปเล็กน้อย
นอกจากนี้ก็ยังหลงเหลือศิลาจารึกที่ต่างประเทศมอบให้เพื่อชมเชยในความสามารถของหน่วยพยัคฆ์ขาว เช่น “อนุสาวรีย์อิตาลี” และ “อนุสาวรีย์เยอรมัน” รวมถึง “ถ้ำคันกั้นน้ำโทโนะกุจิ” ที่กล่าวกันว่าหน่วยพยัคฆ์ขาวเคยลอดผ่านตอนถอยร่น
ใกล้ๆ จุดขึ้นทางเลื่อนมี “อนุสรณ์สถานหน่วยพยัคฆ์ขาว” และในบริเวณใกล้เคียงก็มี “อนุสรณ์สถานตำนานหน่วยพยัคฆ์ขาว” และ “ทาคิซาวะฮนจิน” อันเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น นอกจากนี้ที่ภูเขาอีโมริยังมี “อุโบสถสะซะเอะโด” อันเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นและที่นี่ก็มีผู้คนมาเยือนกันมากมายด้วย
ทานอาหารได้ที่ “ร้านอีโมริบุง” และลึกเข้าไปภายในร้านก็มีจุดชมวิวที่มองเห็นวิวภายในเมืองได้แบบไม่มีอะไรมาขวางกั้น แถมยังสะดวกต่อการมาพักผ่อนอีกด้วย