ภูเขาศักดิ์สิทธิ์โอะโซะเระซังตั้งอยู่บนแหลมชิโมะคิตะและเป็นหนึ่งในสามภูเขาศักดิ์สิทธิ์ร่วมกับภูเขาฮิเอะอิซังและภูเขาโคยะซัง วัดโอะโซะเระซังโบะไดจิสร้างขึ้นในปี 862 มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่านักบวชจิคะคุไดชิเอ็นนินฝันเห็นนิมิตจึงสร้างวัด ""ยะมะเดะระ"" ขึ้นที่จังหวัดยะมะกะตะ จากนั้นก็มายังที่แห่งนี้และสร้าง ""วัดโอะโซะเระซังโบะไดจิ"" ขึ้นมา วัดโอะโซะเระซังโบะไดจิตั้งอยู่ริมทะเลสาบอุโซะริยามะซึ่งเป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ตั้งอยู่กลางขอบนอกของปล่องภูเขาไฟจึงอยู่ในจุดที่ถูกตัดขาดจนไม่สามารถมองจากภายนอกได้ ทั้งบริเวณมีแต่ทิวทัศน์แห้งแล้ง คนท้องถิ่นจึงเล่าต่อกันมาแต่โบราณว่า ""เมื่อตายแล้วก็จะไปที่ภูเขาโอะโซะเระซัง""
จะเข้าพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ได้ต้องข้ามสะพานไทโกะที่ทอดข้ามแม่น้ำซังซุ ภายในบริเวณวัดโอะโซะเระซังโบะไดจิเหมือนโลกหลังความตาย ไม่ว่าจะเป็นโกคุราคุฮามะที่งดงามประหนึ่งแดนสุขาวดี จิโกคุดานิที่อบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นของกำมะถัน อเวจี (นรกขุมสุดท้าย) หรือนรกบ่อเลือด และริมฝั่งแม่น้ำซังซุจะมีหินที่กองโดยพ่อและแม่หรือกังหันลมหมุนติ้วที่ตั้งไว้เพื่อแสดงความอาลัยอาวรณ์ให้กับบุตรที่จากไปตั้งแต่ยังเล็ก จนจะทำให้คุณรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เทศกาลภูเขาโอะโซะเระซัง” ที่จัดตั้งแต่วันที่ 20-24 กรกฎาคมของทุกปี และ “งานสักการะภูเขาโอะโซะเระซังประจำฤดูใบไม้ร่วง” ที่จัดในวันหยุดยาวช่วงต้นเดือนตุลาคมนั้น เป็นงานเชิญวิญญาณคนตายโดยมิโกะที่เรียกกันว่าอิตาโกะ ผู้คนจำนวนมากจึงมาเข้าแถวรวมตัวกันเพื่อฟังข้อความจากโลกหลังความตายนั้น
นอกจากนี้ ภูเขาโอะโซะเระซังยังเป็นภูเขาไฟสงบซึ่งกล่าวกันว่าเคยปะทุไปเมื่อกว่า 1 หมื่นปีก่อน แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังมีน้ำพุร้อนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกำมะถันผุดขึ้นมา ภายในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์มีกระท่อมน้ำพุร้อนอยู่ 4 หลังไว้ให้ผู้สักการะได้มาเข้าแช่ฟรี แต่ต้องระมัดระวังเพราะมีทั้งแบบแช่รวมชายหญิงและสลับชายหญิงตามเวลาด้วย สามารถค้างแรมในที่พักภายในวัด “คิจิโจคาคุ” ได้ ผู้ที่สนใจสัมผัสประสบการณ์ค้างแรมในวัดจึงไม่ควรพลาดเด็ดขาด